Quantcast
Channel: สนธิ ลิ้มทองกุล
Viewing all 58 articles
Browse latest View live

แด่จิตวิญญาณเดือนพฤษภาคม เดือนแห่งการต่อสู้ของประชาชน

$
0
0

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมพิธีรำลึกเหตุการณ์วันที่ 18 พฤษภาคม ที่เมืองกวางจู (Gwangju) ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี

ย้อนหลังไปเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ที่เมืองกวางจูซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศไปประมาณ 270 กิโลเมตร ได้เกิดเหตุการณ์ลุกฮือขึ้นของมวลประชาชน (popular uprising) เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการทหาร ซึ่งถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญในฐานะก้าวย่างแรกของกระบวนการพัฒนาไป สู่ประชาธิปไตยในเกาหลีใต้

ในเหตุการณ์นี้ ประชาชนหลายร้อยต้องจบชีวิตลง เนื่องจากการปะทะกับกำลังปราบปรามของทหาร คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ของไทย จะแตกต่างกันก็ตรงที่บรรดาญาติวีรชนและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยใน เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการช่วงชิงฐานะผู้กำหนดความหมายทางการเมือง กระทั่งสามารถผลักดันให้เกิดสำนึกร่วมต่อภาระในการชำระประวัติศาสตร์ และสามารถนำตัวผู้นำเผด็จการที่ออกคำสั่งสังหารประชาชนในขณะนั้นมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้

พิธีรำลึกจัดขึ้นที่สุสานแห่งชาติ 18 พฤษภาคม (May 18 National Cemetery) ซึ่งนอกจากเป็นที่ตั้งของสุสานผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์และพิพิธภัณฑ์แล้ว ที่น่าสนใจ คือ ภายในบริเวณยังแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสุสานของวีรชนประชาธิปไตย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสามัญชนธรรมดาที่ได้สละชีวิต เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เช่นตัวอย่างที่ผมจดจำได้ดี คือ หลุมศพของคนขับแท็กซี่ผู้หนึ่งซึ่งเผาตัวตาย เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้แรงงาน

งานพิธีการนั้นจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและสง่างาม องค์ประกอบต่างๆ ก็แสดงให้เห็นว่าหลายภาคส่วนได้ร่วมกันทุ่มเทกำลังความสามารถให้กับพิธีรำลึกครั้งนี้ ท่ามกลางความรู้สึกทั้งประทับใจปนประหลาดใจในหลายเรื่อง สิ่งที่ดึงดูดใจผมเป็นพิเศษ นั่นคือ คำกล่าวสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรี ฮัน ซุง ซู ซึ่งได้ใช้เวลาและเนื้อหาส่วนใหญ่ไปกับเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจที่ประเทศกำลังประสบ

นายฮัน ซุง ซู ได้กล่าวในตอนต้นของสุนทรพจน์ไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในวันนี้เป็นผลโดยตรงมาจากคุณูปการของ วีรชนประชาธิปไตย อาทิเช่น วีรชนในเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพ อันเป็นผลให้กระบวนการประชาธิปไตยในเกาหลีใต้นั้นดำเนินคืบหน้ามาเป็นลำดับ ถึงแม้เขาจะใช้เวลาค่อนข้างมาก (จนถึงมากเกินไป ในความรู้สึกของผม) ในสุนทรพจน์นี้กับเรื่องเศรษฐกิจและวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อเขาพยายามสร้างความมั่นใจและปลุกใจให้ผู้ฟังร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ทั้งที่แขกของงานส่วนใหญ่เป็นญาติวีรชนและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย แต่เราก็พอเข้าใจได้ว่าความกังวลต่อวิกฤติเศรษฐกิจในขณะนี้ได้เข้าแทรกซึม และครอบงำความรู้สึกนึกคิดของผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างเสมอหน้ากัน

หากตัดวาระเฉพาะกิจเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจออกไป ผมคิดว่าเราจะมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้ผมกลับมาขบคิดถึงคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยและระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

ในทางทฤษฎี นักเศรษฐศาสตร์ (รวมทั้งรัฐศาสตร์) จำนวนไม่น้อยพยายามศึกษาถึงปฏิสัมพันธ์และความสอดคล้อง/ขัดแย้งระหว่างประชาธิปไตยและทุนนิยม ซึ่งโดยพื้นฐานมีธรรมชาติที่ตรงข้ามกัน กล่าวคือ ประชาธิปไตยมีลักษณะเสมอภาค (egalitarian) เพราะทุกคนมีสิทธิทางการเมืองเท่ากันไม่ว่าจะรวยหรือจน และมีลักษณะจัดสรร (distributive) เพราะบุคคลหรือกลุ่มผลประโยชน์ต่างแข่งขันกัน เพื่อเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ขณะที่พื้นฐานของระบบทุนนิยมมีลักษณะไม่เสมอภาค (inegalitarian) เพราะขึ้นอยู่กับความเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและทรัพยากร

ภายใต้กรอบคิดนี้ กลไกสำคัญภายในระบบทุนนิยมประชาธิปไตย (democratic capitalism) จึงประกอบด้วย ตลาดในฐานะผู้จัดสรรทรัพยากรตามเกณฑ์ของประสิทธิภาพและรัฐ ซึ่งทำหน้าที่กระจายรายได้ใหม่ตามการกดดัน/เรียกร้องหรืออุปสงค์ทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม วิธีคิดแบบแยกขั้ว (polarization) ระหว่างการเมือง/ เศรษฐกิจหรือรัฐ/ ตลาด รวมทั้งการมองประชาธิปไตยและทุนนิยมว่าทั้งคู่มีความเป็นหนึ่งเดียวนั้นใช้ อธิบายปรากฏการณ์จริงไม่ได้ เพราะไม่สามารถอธิบายการดำรงอยู่ร่วมกัน (coexistence) ระหว่างระบบการเมืองและเศรษฐกิจบางรูปแบบ (อาทิเช่น กึ่งประชาธิปไตยและทุนนิยม) หรือไม่สามารถอธิบายว่าทำไมระบบเศรษฐกิจของประเทศหนึ่งจึงทำงานได้ดีกว่าอีก ประเทศหนึ่งทั้งที่สองประเทศนั้นมีระบบการเมืองและเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน

การไม่สามารถให้คำอธิบายที่น่าพอใจสำหรับคำถามเหล่านี้ นำไปสู่ความคิดปฏิกิริยาว่าระบบประชาธิปไตยและ/หรือทุนนิยมนั้น ไม่ได้วิเศษเลิศเลออย่างที่กล่าวอ้างกัน ทั้งที่จริง การมองแบบแยกส่วนและสำเร็จรูปต่างหากที่ทำให้การวิเคราะห์กลไกการทำงานของระบบทุนนิยมประชาธิปไตยผิดพลาด

นอกจากนี้ กรอบคิดแบบแยกขั้วระหว่างรัฐและตลาดยังทำให้เรามองข้ามอีกปริมณฑลหนึ่งที่ สำคัญ คือ พื้นที่ทางสังคม ซึ่งถูกผลักให้ออกไปอยู่นอกการแบ่ง 2 ขั้ว คือ เศรษฐกิจ/การเมืองและทำให้สังคมกลายเป็นเพียงแนวคิดที่คลุมเครือและจับต้องไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้เราละเลยกลไกสำคัญอย่างภาคประชาสังคม (civil society) ซึ่งผลักดันให้เกิดกระบวนการพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้

ประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลีและเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นว่าเส้นทางการต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั้นแสนสาหัสไม่แพ้ที่ใดในโลก อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 60 ปีของอิสรภาพเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ประชาชนของเขาได้มีโอกาสเฉลิมฉลองอย่างภาคภูมิกับความเจริญรุดหน้าทั้งในแง่ของประชาธิปไตยและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่มีระดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ค่อนข้างต่ำ จะว่าไปแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์ของการรู้ระลึกคุณวีรชนประชาธิปไตยที่ทำให้ประเทศพัฒนาอย่างที่เห็น

หันกลับมามองตัวเองบ้าง คุณรู้สึกละอายใจเหมือนผมกับสิ่งที่เราปฏิบัติกับผู้เสียสละเพื่อประชาธิปไตยในบ้านเราบ้างไหม

 

หมายเหตุ บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์มุมมองบ้านสามย่าน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม 2552


‘May 18’ ภาพสะท้อนจากแผ่นฟิล์ม-ภาพสะท้อนจากความจริง

$
0
0
สมัครรับข่าวความเคลื่อนไหวจากประชาไท ผ่านทางอีเมล ดูรายละเอียดที่ http://groups.google.com/group/prachatai-newspaper

การลุกขึ้นสู้ของมวลมหาประชาชนชาวกวางจู

$
0
0


 

เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญของ Professor Na Khan-chae จาก Chonnam National University ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวกวางจู เกาหลีใต้ กับการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวไทย ซึ่งการลุกขึ้นต่อสู้ของชาวกวางจูในครั้งอดีตเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1980 นั้น น่าสนใจมาก เพราะเป็นการลุกขึ้นต่อสู้ของคนทั้งเมืองจนมีคนตายและสูญหายกว่า 2,000 คนและเป็นผลทำให้โฉมหน้าของการเมืองเกาหลีใต้เปลี่ยนจากเผด็จการทหารมาเป็นประชาธิปไตยโดยพลเรือนในปัจจุบัน

การเมืองของเกาหลีใต้ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกว่าการลุกขึ้นสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวกวางจู หรือในภาษาอังกฤษว่า Gwangju Democratic Uprising นั้น เกาหลีใต้อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการของ Park Chung-hee(บิดาของ Park Geun-hye ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน)กว่าสองทศวรรษ แต่เขาได้ถูก Kim Jae-gyu ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติสังหารด้วยอาวุธปืนเมื่อ 26 ตุลาคม 1978 ซึ่งต่อมาได้เกิดรัฐประหารโดย Chun Doo Wan และ Roh Tae Woo โดยมีการประกาศกฎอัยการศึกทำให้นักศึกษาประชาชนไม่พอใจและมีการชุมนุมต่อต้านกันอย่างแพร่หลายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการจับกุม Kim Dae-jung (ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี)ซึ่งเป็นชาวกวางจู

เหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้เริ่มขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม 1980 ได้มีการรวมตัวกันของนักศึกษาที่บริเวณหน้าChonnam National Universityเพื่อประท้วงคำสั่งปิดมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก แต่ฝ่ายทหารกลับส่งหน่วยรบพิเศษ(paratroopers)ที่ใช้สำหรับการทำสงครามโดยเฉพาะเข้าสลายการชุมนุม เป็นเหตุให้การปะทะกันและมีการสังหารประชาชนทั่วไปแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็ก โดยฝ่ายทหารให้เหตุผลว่าเขาเหล่านั้นเป็นคอมมิวนิสต์หรือถูกเกาหลีเหนือยุงยงอยู่เบื้องหลัง ทำให้เหตุการณ์เกิดลุกลามไปทั่วเมือง

การลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจูมีจำนวนมากกว่า 200,000 คน จากที่ในขณะนั้นกวางจูมีประชากรประมาณ 700,000 คน(ปัจจุบัน 1.2 ล้านคน) โดยประชาชนรวมตัวกันเป็นกองกำลังติดอาวุธ(Citizen’s Army)ขึ้นต่อสู้ โดยมีฝ่ายสตรีซึ่งเป็นแม่บ้านทำข้าวปลาอาหารสนับสนุนเป็นเสบียง ประชาชนสามารถยึดศาลากลางจังหวัดและสถานีตำรวจตลอดจนศูนย์วัฒนธรรมอเมริกัน(US Cultural Center)โดยเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาให้ท้ายกองทหารที่ปราบปรามประชาชน และเผาสำนักงานสรรพากรเพราะนำภาษีของพวกเขาไปใช้ซื้ออาวุธมาเข่นฆ่าประชาชน พร้อมทั้งจัดตั้งสภาประชาชน(The General Citizen Settlement Committee)ขึ้นมาปกครองตนเอง แต่หลังจากนั้นกองกำลังฝ่ายรัฐบาลก็เข้าโจมตีพร้อมทั้งตัดเครือข่ายการสื่อสารทั้งหมด ในที่สุดเหตุการณ์ก็ยุติลงในวันที่ 26 พฤษภาคม โดยฝ่ายทหารได้สังหารและจับกุมนักศึกษาประชาชนไปจำนวนมาก

หลังจากนั้น Chun Doo Wan ก็ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ก็เต็มไปด้วยการต่อต้านและคำถามถึงการชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งบนชีวิตและกองเลือดของประชาชนทำให้เขาได้รับการกดดันให้อยู่ตำแหน่งเพียงวาระเดียว ซึ่งเหตุการณ์การต่อสู้ที่เมืองกวางจูนี้มีส่วนสำคัญในการปลุกให้ขบวนการเคลื่อนไหวตื่นตัวไปทั่วประเทศและประธานาธิบดี Roh Tae Woo คู่ขุนศึกซึ่งเมื่อขึ้นตำแหน่งประธานาธิบดีต้องประกาศให้การเคลื่อนไหวของชาวกวางจูเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อการเป็นประชาธิปไตย(Democratization movement)แทนที่จากเดิมที่เรียกว่าผู้ก่อการจราจลหรือกบฏ(riot or rebellion)และมีการจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียและญาติ

แต่ก็ไม่สามารถสร้างความพอใจให้แก่ประชาชนได้ จนต่อมาได้มีการดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีทั้งสองคนคือ Chun Doo Wan และ Roh Tae Woo พร้อมกับพรรคพวก แต่อัยการได้ตัดสินใจไม่ฟ้องเพราะเกรงว่าจะสร้างความสับสนในระบบกฎหมายในขณะนั้นเพราะเห็นว่าการกระทำที่เกิดขึ้นในการรัฐประหารที่สำเร็จไม่ควรถูกนำกลับมาพิจารณาเพื่อลงโทษย้อนหลัง แต่เหมือนฟ้ามีตาเพราะได้มีการพบหลักฐานชิ้นใหม่ที่พบว่าอดีตประธานาธิบดีทั้งสองมีการสะสมทรัพย์สินที่ได้รับจากการติดสินบนไว้เป็นจำนวนมหาศาล จึงได้มีการออกกฎหมายเพื่อพิจารณาเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจูในวันที่ 18 พฤษภาคมเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีทั้งสองและพรรคพวกอีกครั้งหนึ่ง และทั้งสองก็ต่อสู้ว่าเป็นการออกกฎหมายย้อนหลัง แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสามารถกระทำได้โดยให้เหตุผลว่าความไม่ชอบด้วยกฎหมายของการรัฐประหารเป็นอันตรายร้ายแรงและจะต้องทำให้สังคมคลายความเคลือบแคลงสงสัยนี้

จากคำวินิจฉัยดังกล่าวอดีตประธานาธิบดีทั้งสองจึงถูกดำเนินคดี ซึ่งก็ต่อสู้คดีมาจนถึงศาลสูงสุดที่คำพิพากษาให้ Chun Doo Wan ถูกจำคุกตลอดชีวิตและ Roh Tae Woo ถูกจำคุก 17 ปี และที่เหลืออีกตามความหนักเบาของโทษ

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าแม้ในช่วงแรกประชาชนชาวกวางจูดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะถูกปราบจนเสียชีวิตและหายสาปสูญเป็นจำนวนมาก นักศึกษาประชาชนถูกศาลทหารตัดสินทั้งประหารชีวิตและจำคุกในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผลที่ตามภายหลังนั้นทำให้ประชาธิปไตยได้ถูกพัฒนาไปอย่างมาก และความจริงที่ถูกบิดเบือนได้ถูกทำให้กระจ่างขึ้นว่าใครทำอะไร และอย่างไร

แต่เมื่อหันมามองการลุกขึ้นสู้ของประชาชนชาวไทยแล้วจะเห็นได้ว่าแม้จะมีการลุกฮือของนักศึกษาประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลา 16,6 ตุลา 19,17 พฤษภา35,19 พฤษภา53 ยังไม่ทำให้ประชาธิปไตยไทยไปถึงไหน และล่าสุดคือการลุกขึ้นของมวลมหาประชาชนเมือพฤศจิกา 56 แต่เหตุการณ์ยังยืดเยื้อมาจนปัจจุบันนี้ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร

ฉะนั้น การลุกขึ้นของนักศึกษาประชาชนที่จะโค่นล้มระบอบเผด็จการไม่ว่าจะเป็นเผด็จการโดยทหารหรือพลเรือนก็ตามลงได้ จะต้องได้รับการเห็นพ้องต้องกันโดยส่วนใหญ่ ตราบใดที่สถานการณ์ของเมืองไทยยังเป็นอยู่ในปัจจุบันที่แบ่งเป็นสองขั้วใหญ่ๆเช่นในปัจจุบันนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ประชาธิปไตยไทยจะพัฒนาไปสู่จุดหมาย มีแต่จะถอยหลังเข้ารกเข้าพง แตกร้าว เป็นบาดแผลเจ็บลึกที่อีกไม่รู้กี่ปีจึงจะหาย

กล่าวโดยสรุปก็คือไม่ว่าฝ่ายใดจะกำชัยชนะ จะต้องทำให้ชนะเหนือจิตใจประชาชนให้ได้ก่อน ใครกำชัยชนะเหนือจิตใจประชาชนได้ ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

 

 

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 5 มีนาคม 2557

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ประท้วงหอศิลป์เกาหลีใต้จัดแสดงศิลปะ กปปส. เพื่อรำลึก 36 ปีสลายชุมนุมกวางจู

$
0
0

บุคคลหลายวงการในไทยเขียนจดหมายเปิดผนึกเพื่อทักท้วงภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ กรณีนำผลงานของศิลปินยุค กปปส. ปิดกรุงเทพฯ ไปจัดแสดงเพื่อรำลึก 36 ปีเหตุสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกวางจูปี 1980 ด้านภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงเพราะนึกว่าเหมือนศิลปะเกาหลียุค 80 โดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เผยถูกท้วงติงหนักจากหลายฝ่าย เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่

โปสเตอร์งาน 'The Truth_ to Turn It Over' (ที่มา: Artmuse.gwangju.go.kr)

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

 

16 พ.ค. 2559 กรณีพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู เชิญสุธี คุณาวิชยานนท์ ร่วมแสดงผลงานศิลปะในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over'(อ่านรายละเอียด)ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการมีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยนอกจากผลงานของสุธี ยังมีผลงานของศิลปินอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ปักแทคู จากเกาหลีใต้ มันกู ปุตรา จากอินโดนีเซีย เลองอกทันและเลอดุกไฮ จากเวียดนาม และเรอนาโท หาบูลาน จากฟิลิปปินส์นั้น

อย่างไรก็ตาม มีกระแสวิจารณ์ในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าผลงานแสดงของสุธีบางส่วน เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านประชาธิปไตยและปูทางไปสู่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

สำหรับผลงานแสดงของสุธี ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ส่วนแรก คือ "กระดานดำกวางจู"โดยนำมาจากผลงานชุด "ห้องเรียนประวัติศาสตร์ภาค 2"ที่สุธีเคยจัดแสดงผลงานดังกล่าวมาก่อน เมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นภาพแกะสลักบนโต๊ะนักเรียนที่ทำจากไม้ 23 ตัว แสดงเหตุการณ์ 23 แห่ง โดยในการแสดงที่กวางจู สุธีได้เลือกโต๊ะไปทำการแสดง 6 ตัว นอกจากนี้เขายังร่วมกับศิลปินเกาหลีใต้ วาดภาพบนกระดานดำร่วมกันโดยด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และอีกด้านการเหตุการณ์กวางจูเดือนพฤษภาคม 2523

"ผลงาน "กระดานดำกวางจู"ผมต้อง "เลือกจำ"คัดตัดตอนมาเฉพาะประวัติศาสตร์ 1 หน้าในความทรงจำทางการเมืองไทย 14 ตุลา 16 เบลอปะปนไปกับ 18 พฤษภาคม 1980 โศกนาฏกรรมทางการเมืองของเกาหลีใต้ที่เมืองกวางจู ที่มีทั้งความคล้ายและความต่างสองเรื่องสองเหตุการณ์ถูกเขียนแล้วลบแล้วเขียนอีก จนมันเบลอ เข้าหากันในกระดานแห่งความทรงจำเดียวกัน อีกชิ้นโต๊ะนักเรียนในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ก็จำเป็นต้องถูก "เลือกจำ"เช่นกัน จากโต๊ะ 23 ตัว เกือบ 20 เหตุการณ์ คัดเหลือแค่ 6 ตัว ประมาณ 6 เหตุการณ์"สุธีระบุตอนหนึ่งในสเตตัสเฟซบุ๊คที่เขาพูดถึงผลงานแสดงศิลปะ

สำหรับผลงานศิลปะส่วนที่ถูกทักท้วง คือ "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"(อ่านรายละเอียด)ซึ่งเป็นผลงานศิลปะของสุธีระหว่างการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการชุมนุม กปปส. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง ปลายเดือนมกราคม 2557 โดยมีข้อความที่ปรากฏในโปสเตอร์เช่น "ปฏิรูปก่อน""ไทยอย่าเฉย""ยึดคืนประเทศไทย""อย่ากลับด้านประเทศไทย"โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีถูกนำมาประมูลเพื่อระดมทุนสำหรับการต่อสู้ในช่วงนั้นด้วย

ทั้งนี้ หลังวันเปิดแสดงผลงานศิลปะเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บุคคลในวงการต่างๆ ในประเทศไทย ได้ส่งจดหมายทักท้วงไปยัง ลิม จงยอง ผู้ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ 'The Truth_to Turn It Over'

โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขา

"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น"จดหมายของธนาวิตอนหนึ่งระบุ

ขณะเดียวกันในวันนี้ (16 พ.ค.) มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจาก "นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย" (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู กรณีนำผลงานของ รศ.สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"โดยมีการลงชื่อท้ายจดหมายโดยบุคคล 118 ราย ประกอบด้วยศิลปิน ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียน สื่อมวลชน นักวิชาการ ฯลฯ ในไทย สอบถามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู

"ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557"

"แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม"

"พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู"ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ

 

ภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงโดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่

ล่าสุดในเว็บ penseur21.com (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) Lee Yu Kyung ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าว โดยเขาย้ำว่าเขารู้สึกชื่นชมผลงานแนวสตรีทอาร์ทของสุธี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้กับศิลปะแนวประชาชนของเกาหลีใต้ในยุคทศวรรษที่ 1980 โดยเขาให้พิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงในเรื่องนัยยะทางการเมือง

"ผมไม่ได้คาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากประเทศไทยขนาดนี้ เราได้รับคำท้วงติงมาจากบุคคลหลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากมูลนิธิ 518 (มูลนิธิในเกาหลีใต้ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้ที่กวางจู) พวกเราจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ พวกเราอาจพิจารณาที่จะถอนงาน 1 ใน 4 เรื่องของสุธี ซึ่งเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงของ กปปส. แต่เราต้องได้รับความยินยอมจากศิลปิน เราจะไม่ทำโดยฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของพวกเราร่วมกัน" ลิม จงยอง กล่าวเพิ่มเติม

 

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

 

000

จดหมายเปิดผนึกของธนาวิ โชติประดิษฐ เมื่อ 12 พ.ค. 2559 (ฉบับแปลอย่างไม่เป็นทางการ)

เรียน คุณลิมจงยอง

ข้าพเจ้าเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปินชาวไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯ และผู้สังเกตการณ์ศิลปะร่วมสมัยของไทย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายมายังท่านต่อเรื่องนิทรรศการ 'The Truth_To Turn It Over'โดยในการคัดเลือกผลงานของคุณ ที่ได้เลือกงาน 'Thai Uprising'ของสุธี คุณาวิชยานนท์ สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับการรำลึกถึง 36 ปี ของขบวนการประชาธิปไตย 18 พฤษภาคมนั้น วันนี้ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวไทย โดยจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่จดหมายสำหรับศิลปิน แต่เป็นจดหมายถึงภัณฑารักษ์ผู้รวบรวมผลงานแสดง

อาร์ทเลน (Art Lane) เป็นส่วนหนึ่งของการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ไม่เพียงแค่เป็นการประท้วงกฎหมายนิรโทษกรรมสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในปี 2556 เท่านั้น แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่การรัฐบาล ผลงานชุด "Thai uprising"ในปี 2556-2557 ที่คุณเลือก แสดงออกอย่างชัดเจนว่าคือการต่อต้านรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เคียงข้างไปกับศิลปินอื่นๆ ของมหาวิทยาศิลปากร และศิลปินที่แสดงผลงานทางการเมือง สุธีมีบทบาทอยู่ในขบวนการต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาระดมทุนเพื่อ กปปส. กลุ่มกดดันทางการเมืองที่นำโดยอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ และเมื่อกองทัพยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารในปี 2557 ศิลปินเหล่านี้ก็ต้อนรับการรัฐประหารนี้

พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารนับตั้งแต่นั้น แน่นอนศิลปินทั้งหลาย ทั้งเขาและเธอมีสิทธิเลือกข้าง และแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อจุดยืนทางการเมืองของสุธี ข้าพเจ้าก็เคารพเขาด้วยความจริงใจที่เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาชัดเจน (ข้าพเจ้าตระหนักเป็นอย่างดีว่าสถานการณ์ของกลุ่มอื่นมีความต่างกัน ประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่เสรีและยุติธรรมพอสำหรับการพูดและการแสดงออก) เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ "2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace"จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่

ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น

ด้วยความนับถือ
ธนาวิ โชติประดิษฐ

จดหมายเปิดผนึกจาก “นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู - กรณีนำผลงานของ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’

สืบเนื่องจากที่ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินไทยได้ร่วมแสดงนิทรรศการชุด ‘The Truth_ to Turn It Over’ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู พวกเราขอแสดงความกังวลเกี่ยวเนื่องกับแนวทางศิลปะของเขา กับจุดยืนทางการเมือง และจิตวิญญาณการต่อสู้ของชาวกวางจู เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสุธีเข้าร่วมกับ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.) ซึ่งนำมาสู่วิกฤตทางการเมืองและรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กปปส. เป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีการปิดถนนหลายสายในกรุงเทพฯ ปิดสำนักงานของรัฐบาล รวมถึงปิดกั้นไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2557 กปปส. กล่าวหาว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดที่ยากจนและไร้การศึกษา ดังนั้นคนเหล่านี้จึงถูกซื้อจากนักการเมืองได้ และพวกเขายังเชื่อว่าการเลือกตั้งทั่วไปปี 2557 เป็นเพียงการรักษาอำนาจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น ในขณะที่ กปปส. ปฏิเสธการเจรจากับตัวแทนรัฐบาล แต่กลับเรียกร้องให้มีการตั้งรัฐบาลพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยวิธีการต่าง ๆ การกระทำของพวกเขานำมาซึ่งการเข้าแทรกแซงของทหาร ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่นั้นมา

กปปส. มองข้ามข้อเท็จจริงว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. เป็นอดีตรองนายกฯในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้กองทัพสลายการชุมนุมของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ซึ่งชุมนุมประท้วง ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ศาลไทยได้มีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทหารไทยใช้อาวุธยิงประชาชน ขณะที่ผู้ชุมนุม นปช. ถูกคุมขังและพิพากษาว่าละเมิดกฎหมาย สุเทพและสมาชิกคณะรัฐมนตรียังคงลอยนวล เหลือไว้เพียงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ได้มีเพียงผู้ชุมนุม นปช. เท่านั้นที่ถูกฆ่าและถูกขัง แต่ยังรวมถึงประชาชนธรรมดาที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองใด ๆ นักวิชาการบางคนเปรียบเทียบเหตุการณ์ 10 เมษาฯ – 19 พฤษภาฯ ว่าคล้ายกับการที่ชุนดูฮวาน (อดีตผู้นำเผด็จการเกาหลีใต้-ผู้แปล) ปราบปรามการลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจู ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิจำนวนมากเชื่อว่าสมควรแล้วที่ผู้ชุมนุม นปช. จะถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง

หลังการปราบปราม รัฐบาลอภิสิทธิยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย (ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิก นปช.) ได้รับเลือกและกลายเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสุเทพ กลายเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามที่จะหาหนทางสร้างความปรองดองโดยร่าง พรบ.นิรโทษกรรม รัฐบาลของเธอล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียงและก่อให้เกิดความโกรธแค้นจากหลายฝ่าย รวมถึง กปปส. แล้วประชาธิปไตยของประเทศไทยก็หยุดชะงักนับแต่นั้นมา

ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557

แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม

พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู

ด้วยความสมานฉันท์

นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)
ดังรายชื่อแนบท้าย

1. Abhichon Rattanabhayon Media Studio
2. Akara Pacchakkhaphati Film Maker
3. Angkrit Ajchariyasophon Artist/Gallerist
4. Anocha Suwichakornpong Film Maker
5. Anusorn Tipayanon Writer
6. Aranya Siriphon Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University
7. ArjinJonathan Arjinkit Artist/Lecturer, Rajanagarindra Rajabhat University
8. Arnont Nongyao Artist
9. Arthit Suriyawongkul Activist
10. Artit Srijan Writer/Lecturer, Suan Sunandha Rajabhat University 
11. Athapol Anunthavorasakul Lecturer, Chulalongkorn University
12. Atikom Mukdaprakorn Artist/Cultural Activist
13. Ben Busarakamwong Cultural Activist
14. Cattleya Paosrijaroen Film Maker
15. Chai Siris Film Maker
16. Chakkrit Chimnok Artist
17. Chettapat Kueankaeo Theater Director
18. Chiranuch Premchaiporn Director of Prachatai
19. Chontida Auikool Thammasat University
20. Chuwat Rerksirisuk Editor in Chief of Prachatai
21. Danaya Chulphuthiphong Historian
22. Ded Chongmankong Photographer
23. Dontree Siribunjongsak Musician
24. Duangrurthai Asanachatang Editor
25. Ekanop Suwannakosum Graphic Designer/Lecturer, Chiang Mai University
26. Farida Jiraphan Performer
27. Gandhi Wasuvitchayagit Writer
28. Inthira Vittayasomboon Cultural Activist
29. Janit Feangfu Lecturer, Chiang Mai University
30. Jirasak Monkiatkul Interior Designer
31. Jirat Prasertsup Cultural Activist 
32. Kahat Sujipisut Artist
33. Kasem Phenpinant Department of Philosophy, Chulalongkorn University 
34. Kavintron Sangsakron Performer
35. Keawalee Warutkomain Art Director
36. Kittima Chareeprasit Curator
37. Komtham Domrongchareon Lecturer, Silpakorn University
38. Kongkrit Traiyawong Lecturer, Walailak University
39. Kornkrit Jianpinidnan Artist
40. Kriangkrai Patomnetikul Photographer
41. Krit Lualamai Writer 
42. Ladapha Sophonkunkit Performer
43. Ladda Kongdach Performer
44. Lakkana Punwichai Writer 
45. Latthapon Korkiatarkul Artist
46. Lyla Phimanrat Gallerist
47. Mit Jai-in Artist
48. Miti Ruangkritya Artist
49. Mo Jirachaisakul Ceramic Artist
50. Montri Toemsombat Artist
51. Namfon Udomlertlak Film Maker
52. Narawan Pathomvat Researcher 
53. Nataya U-Kong Lecturer, Silpakorn University 
54. Nawapooh Sae-tang Critic
55. Nithinand Yorsaengrat Reporter 
56. Nok Paksanavin Writer
57. Nopawat Likitwong Sound Artist/Sound Engineer
58. Noraset Vaisayakul Artist
59. O Techadilok Graphic Designer
60. Orawan Arunrak Artist
61. Pakavadi Veerapasapong Writer 
62. Pandit Chanrochanakit Faculty of Political Science, Ramkhamhaeng University
63. Panu Boonpipattanapong Freelance Writer
64. Paphonsak La-or Artist
65. Parinot Kunakornwong Artist
66. Pasakorn Intoo-Marn Performer/Lecturer, Mahidol University
67. Pathompon Tesprateep Artist
68. Pavinee Samakkabutr Performance Artist
69. Pawaluk Suraswadi Performer
70. Pawin Ramingwong Artist/Lecturer, Phayao University
71. Pichaiwat Saengprapan Artist/Lecturer, Srinakarinwirot University
72. Pimsiri Petchnamrob Activist
73. Pinkaew Laungaramsri, Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University 
74. Pisitakun Kuantalaeng Artist
75. Pitch Pongsawat Faculty of Political Science, Chulalongkorn University
76. Piyarat Piyapongwiwat Artist
77. Pongjit Saphakhun Performer
78. Potjawan Panjinda Art Center Manager
79. Prapat Jiwanrangsan Artist
80. Pratompong Namjaidee Artist
81. Puangthong Pawakapan Faculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University 
82. Rattanai Bampenyou Musician
83. Rodjaraeg Wattanapanit Cultural Activist
84. Ruangsak Anuwatwimon Artist
85. Santiphap inkong-ngam Film Maker/Lecturer, Chiang Mai University
86. Sawit Prasertphan Artist/Lecturer, Chiang Mai University
87. Sina Wittayawiroj Artist
88. Siripoj Laomanacharoen Writer 
89. Sompoch Aung Artist
90. Sorayut Aiemueayut Lecturer, Chiang Mai University
91. Suchart Swasdsri Writer 
92. Sukanya Seskhuntod Cultural Activist
93. Sutthirat Supaparinya Artist
94. Tada Hengsapkul Artist
95. Teerapong Suthiwarapirak Writer
96. Teerawat Mulvilai Performance Artist
97. Thanavi Chotpradit Art Historian/Critic/Lecturer, Silpakorn University
98. Thanom Chapakdee Faculty of Fine Arts, Srinakharinwirot University
99. Tharit Tothong Critic
100. Thasnai Sethaseree Artist/Lecturer, Chiang Mai University
101. Thatchatham Silsupan Composer/Lecturer, Chiang Mai University
102. Thawiphat Praengoen Artist/Cultural Activist
103. Thitibodee Rungteerawattananon Artist
104. Uthis Haemamool Writer
105. Uthit Attimana Artist/Lecturer, Chiang Mai University
106. Vichapon Diloksambandh Performer
107. Viengrat Nethipo Faculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University 
108. Vipash Purichanont Department of Visual Cultures, Goldsmiths, University of London
109. Wichanon Somumjarn, Independent Filmmaker 
110. Vorakorn Ruetaivanichkul Film Maker
111. Warasinee Chansawang Gallery Manager
112. Weroon Wuthirithakul Cultural Activist
113. Wichanon Somumjarn Independent Filmmaker 
114. Wirapa Angkoontassaniyarat Writer
115. Wiwat Lertwiwatwongsa Film Critic
116. Yingsiwat Yamolyong Film Maker
117. Yukti Mukdawijitra Faculty of Sociology and Anthropology, Thammasat University
118. Yutthana Darakron Cultural Activist
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ค้านเกาหลีปลดงานศิลป์-สุธียันไม่หนุนรัฐประหาร-ที่เงียบไปเพราะบ้านเมืองขัดแย้ง

$
0
0

กรณี 118 รายชื่อยื่น จม. หอศิลป์เกาหลีใต้นำผลงานศิลปินยุค กปปส. ปิดกรุงเทพฯ จัดแสดงรำลึก 36 ปีเหตุสลายการชุมนุมที่กวางจู ล่าสุดเจ้าของผลงาน สุธี คุณาวิชยานนท์ ชี้แจง 'มติชน'ทราบเรื่องจดหมายแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านเพราะติดสอนทั้งวัน และชี้แจงหอศิลป์เกาหลีใต้แล้วว่าไม่ได้สนับสนุนรัฐประหาร แต่ต้านนิรโทษกรรม-คอรัปชั่น

รับระดมทุนให้ กปปส. จริง แต่ไม่ใช่ กปปส. แค่มีแนวคิดบางอย่างร่วมกัน ที่ผ่านมาเงียบไป เพราะไม่สนับสนุนรัฐประหาร ยอมรับว่าไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ขอยืนยันว่าอยากให้ปฏิรูป บ้านเมืองขัดแย้งมาเยอะ เลยไม่อยากไปเพิ่มความขัดแย้ง อยากให้ประเทศสงบ มีทางออก แต่ถ้าคณะรัฐประหารทรยศประชาชนก็อีกเรื่องหนึ่ง ควรต้องเคลื่อนไหวต่อไป

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

งานแสดงของสุธีช่วงชัตดาวน์กรุงเทพฯ 13 ม.ค. 2557 (ที่มา: Rama9Art)

โดยในคำชี้แจงวันนี้ (17 พ.ค.) ของสุธี คุณาวิชยานนท์ รองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กล่าวกับ มติชนออนไลน์ว่า ทราบข่าวเรื่องจดหมายเปิดผนึกแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสอ่าน เพราะติดงานสอนตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม เขาได้รับอีเมลล์จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งได้ชี้แจงกลับไปเรียบร้อยแล้ว โดยขอยืนยันว่า ไม่เคยสนับสนุนรัฐประหาร การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา เป็นการต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย และการคอรัปชั่นของนักการเมือง ซึ่งผลงานที่นำไปจัดแสดง เป็นบันทึกเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น โดยเป็นงานเก่าตั้งแต่ปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 ที่นำมาทำใหม่ ซึ่งหากทางพิพิธภัณฑ์จะปลดผลงานส่วนหนึ่ง เขาจะขอคัดค้าน เพราะไม่มีเหตุผลจะถูกปลด

“ผมและเพื่อนๆกลุ่ม Art Lane ซึ่งมีทั้งศิลปิน นักร้อง นักแสดง เรียกร้องการปฏิรูป ไม่ใช่รัฐประหาร ทำไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีใครหนุนหลัง ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพรรคการเมือง เราทำของเราเอง กรณีที่มีการทำเสื้อยืดและของที่ระลึกขาย ก็มอบรายได้ให้กลุ่มไปแล้วเขาไปจัดการกันเอง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมีการใช้สนับสนุนกิจกรรมการเคลื่อนไหว และมอบให้กปปส. จริง แต่ผมไม่ใช่สมาชิกกลุ่มกปปส.แค่มีแนวคิดบางอย่างร่วมกัน เช่น ต้านรัฐบาลที่ทุจริต ค้านนิรโทษกรรมสุดซอย

งานในนิทรรศการก็เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ในบริบทนั้นๆว่าเป็นอย่างไร เป็นงานที่ทำตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ไม่ถามหรือว่าหลังรัฐประหารทำไมผมเงียบ ก็เพราะไม่สนับสนุน ยอมรับว่าผิดหวัง ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ ยังยืนยันว่าอยากให้ปฏิรูป แต่พอเกิดรัฐประหาร ก็รอดูไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป บ้านเมืองขัดแย้งมาเยอะ เลยไม่อยากไปเพิ่มความขัดแย้ง อยากให้ประเทศสงบ มีทางออก แต่ถ้าคณะรัฐประหารทรยศประชาชนก็อีกเรื่องหนึ่ง ควรต้องเคลื่อนไหวต่อไป”  สุธีกล่าว และว่าหลังทราบข่าวการส่งจดหมายเปิดผนึก ยอมรับว่าไม่สบายใจ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง หรือนักเคลื่อนไหวมืออาชีพ แต่มีศิลปินและเพื่อนอาจารย์คอยให้กำลังใจ

 

ผลงานแสดงที่กวางจู ของสุธี คุณาวิชยานนท์ และการทักท้วง

สำหรับผลงานแสดงของสุธี ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ส่วนแรก คือ "กระดานดำกวางจู"โดยนำมาจากผลงานชุด "ห้องเรียนประวัติศาสตร์ภาค 2"ที่สุธีเคยจัดแสดงผลงานดังกล่าวมาก่อน เมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นภาพแกะสลักบนโต๊ะนักเรียนที่ทำจากไม้ 23 ตัว แสดงเหตุการณ์ 23 แห่ง โดยในการแสดงที่กวางจู สุธีได้เลือกโต๊ะไปทำการแสดง 6 ตัว นอกจากนี้เขายังร่วมกับศิลปินเกาหลีใต้ วาดภาพบนกระดานดำร่วมกันโดยด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และอีกด้านการเหตุการณ์กวางจูเดือนพฤษภาคม 2523

"ผลงาน "กระดานดำกวางจู"ผมต้อง "เลือกจำ"คัดตัดตอนมาเฉพาะประวัติศาสตร์ 1 หน้าในความทรงจำทางการเมืองไทย 14 ตุลา 16 เบลอปะปนไปกับ 18 พฤษภาคม 1980 โศกนาฏกรรมทางการเมืองของเกาหลีใต้ที่เมืองกวางจู ที่มีทั้งความคล้ายและความต่างสองเรื่องสองเหตุการณ์ถูกเขียนแล้วลบแล้วเขียนอีก จนมันเบลอ เข้าหากันในกระดานแห่งความทรงจำเดียวกัน อีกชิ้นโต๊ะนักเรียนในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ก็จำเป็นต้องถูก "เลือกจำ"เช่นกัน จากโต๊ะ 23 ตัว เกือบ 20 เหตุการณ์ คัดเหลือแค่ 6 ตัว ประมาณ 6 เหตุการณ์"สุธีระบุตอนหนึ่งในสเตตัสเฟซบุ๊คที่เขาพูดถึงผลงานแสดงศิลปะ

สำหรับผลงานศิลปะส่วนที่ถูกทักท้วง คือ "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน" (อ่านรายละเอียด) ซึ่งเป็นผลงานศิลปะของสุธีระหว่างการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการชุมนุม กปปส. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง ปลายเดือนมกราคม 2557 โดยมีข้อความที่ปรากฏในโปสเตอร์เช่น "ปฏิรูปก่อน""ไทยอย่าเฉย""ยึดคืนประเทศไทย""อย่ากลับด้านประเทศไทย"โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีถูกนำมาประมูลเพื่อระดมทุนสำหรับการต่อสู้ในช่วงนั้นด้วย

ทั้งนี้ หลังวันเปิดแสดงผลงานศิลปะเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บุคคลในวงการต่างๆ ในประเทศไทย ได้ส่งจดหมายทักท้วงไปยัง ลิม จงยอง ผู้ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ 'The Truth_to Turn It Over'อาทิ ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากรเขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขา

"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น" จดหมายของธนาวิตอนหนึ่งระบุ

ขณะเดียวกันในวันนี้ (16 พ.ค.) มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจาก "นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย" (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู กรณีนำผลงานของ รศ.สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"โดยมีการลงชื่อท้ายจดหมายโดยบุคคล 118 ราย ประกอบด้วยศิลปิน ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียน สื่อมวลชน นักวิชาการ ฯลฯ ในไทย สอบถามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู

"พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู"ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ในเว็บ penseur21.com (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) Lee Yu Kyung ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าว โดยเขาย้ำว่าเขารู้สึกชื่นชมผลงานแนวสตรีทอาร์ทของสุธี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้กับศิลปะแนวประชาชนของเกาหลีใต้ในยุคทศวรรษที่ 1980 โดยเขาพิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงในเรื่องนัยยะทางการเมือง

"ผมไม่ได้คาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากประเทศไทยขนาดนี้ เราได้รับคำท้วงติงมาจากบุคคลหลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากมูลนิธิ 518 (มูลนิธิในเกาหลีใต้ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้ที่กวางจู) พวกเราจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ พวกเราอาจพิจารณาที่จะถอนงาน 1 ใน 4 เรื่องของสุธี ซึ่งเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงของ กปปส. แต่เราต้องได้รับความยินยอมจากศิลปิน เราจะไม่ทำโดยฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของพวกเราร่วมกัน" ลิม จงยอง กล่าวเพิ่มเติม

 

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แพทย์เวียดนามผู้ถูกจองจำ-และกลุ่ม BERSIH 2.0 ได้รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน

$
0
0

รำลึก 36 ปีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเกาหลีใต้-มอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2016 แก่ (1) นพ.เหงียนตันคี ผู้ถูกขังลืม/ส่งไปใช้แรงงานหนัก เหตุเรียกร้องการเลือกตั้งเสรีในเวียดนาม และ (2) พันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม 'เบอเซะ 2.0'จากมาเลเซีย ด้านรัฐบาลเวียดนามทำหนังสือประท้วง ส่วน ตม.มาเลเซียสกัด 'มาเรีย ชิน อับดุลลา'ประธานเบอเซะ 2.0 ไม่ให้เดินทางมารับรางวัล

18 พ.ค. 2559 มีรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า มาเรีย ชิน อับดุลลา ประธานพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม หรือ เบอเซะ 2.0 (BERSIH 2.0) ซึ่งเตรียมเดินทางไปเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2016 (2016 Gwangju Prize for Human Rights) ในนามของกลุ่มเบอเซะ 2.0 นั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ห้ามไม่ให้ประธานเบอเซะ 2.0 เดินทางออกนอกประเทศ

 

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ในเว็บไซต์ Freemalaysiatoday รมช.กระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย นุร์ จัชลัน โมฮัมหมัด (Nur Jazlan Mohamed) ได้ชี้แจงเหตุดังกล่าวว่า ตามกฎหมายคนเข้าเมือง แผนกตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจห้ามไม่ให้บุคคลใดออกนอกประเทศโดยไม่ต้องให้คำอธิบายก็ได้

 

รางวัลกวางจูปี 2016 มอบให้แพทย์ชาวเวียดนามและองค์กรมาเลเซียที่รณรงค์เลือกตั้งเสรีและยุติธรรม

ผู้ได้รับรางวัล "กวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน"ประจำปี 2016 (ซ้าย) นพ.เหงียนตันคี ชาวเวียดนาม และ (ขวา) ส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมเบอเซะ ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้งของมาเลเซีย ในภาพเป็นการชุมนุมในกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2555 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมเบอเซะทั่วโลก คู่ขนานไปกับการชุมุนมในมาเลเซีย (ที่มา: truongsahoangsa.info/ประชาไท)

 

ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิอนุสรณ์สถาน 18 พฤษภาคม (May18 Memorial Foundation) ของเกาหลีใต้ได้เริ่มมอบ “รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน” (Gwangju Prize for Human Rights) แก่ นักสิทธิมนุษยชนเพื่อเป็นการรำลึกและสืบทอดอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวเกาหลีที่ต่อสู้กับเผด็จการทหาร เป็นระยะเวลายาวนาน และเผชิญกับการปรามปรามอย่างโหดเหี้ยมทารุณจากกองทัพ

โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ประกาศว่าผู้ได้รับ "รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน"ประจำปี 2016 มี 2 ตำแหน่ง ได้แก่ 1. นพ.เหงียนตันคี (Nguyen Dan Que) และ 2. พันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรม หรือ เบอเซะ 2.0 (Bersih 2.0) (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

แพทย์เวียดนาม-นักโทษทางความคิดผู้เรียกร้องให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์จัดการเลือกตั้งเสรี

สำหรับ นพ.เหงียนตันคี เป็นชาวเวียดนามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2495 ที่ไซ่ง่อน ปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ซิตี ในปี พ.ศ. 2519 โดยเขาถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามจับและขังลืมโดยไม่มีการสอบสวนหรือตั้งข้อหา ก่อนได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2531

เมื่อถูกปล่อยตัวก็ นพ.เหงียนตันคี ก็รณรงค์ให้ประชาชนเวียดนามมีเสรีภาพในการเลือกรูปแบบรัฐบาล ผ่านการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม จึงถูกจับกุมตัวอีกครั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2533  โดยในช่วงที่ถูกจับกุมตัว นพ.เหงียนตันคี ถูกทรมานและถูกจองจำโดยไม่มีการตั้งข้อหา จนในเดือนพฤศจิกายน 2534 เขาถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาพยายามโค่นล้มรัฐบาลเวียดนาม และถูกตัดสินให้ใช้แรงงานหนัก 20 ปี และกักบริเวณ 5 ปี โดยในช่วงถูกใช้แรงงานหนักมีวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาพยายามเข้าพบเขาแต่ถูกรัฐบาลเวียดนามปฏิเสธ อย่างไรก็ตามในปี 2541 เขาได้รับการปล่อยตัว

ในเดือนพฤษภาคม 2542 เขาออกแถลงการณ์เรียกร้องการเลือกตั้งเสรีเพื่อให้มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในเดือนมีนาคม 2546 เขาถูกจับกุมเนื่องจากเขียนบทความเกี่ยวกับการปิดกั้นสื่อในเวียดนาม โดยรัฐบาลกล่าวหาว่าเขาทำการจารกรรม ในเดือนมกราคม 2547 ศาลประชาชนโฮจิมินห์ตัดสินว่าเขาละเมิดสิทธิประชาธิปไตยด้วยการบ่อนทำลาย ผลประโยชน์แห่งชาติ สิทธิอันชอบธรรม และผลประโยชน์ขององค์กรทางสังคมและพลเมือง โดยถูกตัดสินจำคุก 30 เดือน และในเดือนกันยายน 2547 เขาถูกส่งไปใช้แรงงานหนักในค่ายกักกันต่างจังหวัด และต่อมาได้รับการอภัยโทษในเดือนมกราคม 2548

ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เขาได้โพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ตเรียกร้องให้ชาวเวียดนามออกมาเดินขบวนเหมือนอาหรับสปริง เรียกร้องให้มีการ "กวาดล้าง"เผด็จการคอมมิวนิสต์ และสร้างเวียดนามที่มีเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และมีความก้าวหน้า ทำให้เขาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว บุกค้นบ้านโดยเจ้าหน้าที่อ้างว่ายึดเอกสารต่อต้านรัฐบาลได้นับพันฉบับ โดยเขาถูกควบคุมตัวนับแต่นั้น

 

รัฐบาลเวียดนามทำหนังสือค้านการรับรางวัล ระบุเป็นผู้ละเมิดกฎหมาย

ทั้งนี้ในช่วงที่ นพ.เหงียนตันคี ได้รับอิสรภาพ เขาไม่เคยคิดเลิกล้มการต่อสู้ เขาได้ก่อตั้ง "เครือข่ายบล็อกเกอร์เวียดนาม"และ "สมาคมสตรีเวียดนามเพื่อสิทธิมนุษยชน"ในปี 2556 และในช่วงเริ่มต้นปี 2557 นพ.เหงียนตันคี ได้เรียกร้องนักโทษทางความคิดทั้งหมดในเวียดนามให้รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อรณรงค์สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเวียดนาม โดยเขาและเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมอดีตนักโทษทางความคิด

ทั้งนี้รัฐบาลเวียดนามได้ทำหนังสือคัดค้านการได้รับรางวัลดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีเหตุผลที่จะมอบรางวัลให้กับผู้ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะละเมิดกฎหมายความมั่นคงของเวียดนาม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

ขบวนชุมนุมใหญ่ในมาเลเซียหนุนปฏิรูปการเลือกตั้งให้เสรีและยุติธรรม

ส่วนพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม (BERSIH 2.0) หรือ เบอเซะ 2.0 (BERSIH แปลว่า สะอาด ในภาษามลายู) ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งในมาเลเซีย 8 ข้อเช่น ให้ปรับปรุงระเบียบการเลือกตั้ง ให้ปฏิรูประบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่โปร่งใส เรียกร้องให้ใช้หมึกที่ลบไม่ออกในการลงคะแนน อนุญาตให้ทุกพรรคการเมืองเข้าถึงสื่อสารมวลชน ยุติการเมืองสกปรก ฯลฯ

โดยการชุมนุม BERSIH เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อ 10 พ.ย. 2550 และมีการชุมนุม "BERSIH 2.0"เมื่อ 9 ก.ค. ปี 2554 ส่วนการชุมนุม "BERSIH 3.0"เกิดขึ้นเมื่อ 28 เม.ย. 2555 โดยทุกครั้งจบลงด้วยการสลายการชุมนุมโดยตำรวจมาเลเซีย

อย่างไรก็ตามการชุมนุมในเดือนสิงหาคมปี 2558 ที่ผ่านมา ที่กลุ่มเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก ลาออก หลังถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซีย "วันมาเลเซียเดเวลอปเมนท์ เบอรฮาด"หรือ 1MDB ผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้โดยไม่ถูกสลายการชุมนุมแต่อย่างใด

 

มอบรางวัลให้ นพ.เหงียนตันคี และเบอเซะ 2.0 เพราะทำให้คุณค่าสิทธิมนุษยชนและสันติภาพเป็นจริง

โดยคณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงว่า กลุ่มเบอเซะ 2.0 เป็นตัวอย่างหนึ่งของพลังของประเทศที่เผชิญกับสิ่งท้าทายที่ก่อตัวขึ้นในรัฐ กลุ่มเบอเซะ 2.0 ได้เรียกร้องการปฏิรูปการเลือกตั้งและทำให้สิ่งนี้เป็นวาระแห่งชาติ สิ่งนี้ทำให้พวกเขารวมตัวกันบนท้องถนนเพื่อข้อเรียกร้องร่วมกันคือ การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม การชุมนุมขนาดใหญ่ได้หยิบยกประเด็นทางการเมืองขึ้นมา รวมไปถึงลดช่องว่างทางวัฒนธรรม ศาสนา และช่องว่างระหว่างชาติพันธุ์ การชุมนุมเบอเซะได้สร้างความตระหนักของพลเมืองมาเลเซีย ต่อสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลและสิ่งที่เป็นที่วิพากษ์ในระบบเลือกตั้ง ทำให้พวกเขามีความหวังที่จะรวมชาติเป็นหนึ่ง

"คณะกรรมการพบว่าคุณค่าของสิทธิมนุษชนและสันติภาพถูกทำให้เป็นจริงโดย นพ.เหงียนตันคี และเบอเซะ 2.0 พวกเรายกย่องการทำงานของ นพ.เหงียน แม้ภายหลังจะถูกจองจำอย่างโหดร้าย ซึ่งสิ่งนั่นสร้างแรงบันดาลใจส่งต่อไปยังภูมิภาคเอเชีย มากไปกว่านั้นคณะกรรมการก็เห็นชอบที่จะเลือกให้เบอเซะ 2.0 เป็นผู้ได้รับรางวัลร่วมกันในปีนี้กับ นพ.เหงียนตันคี ด้วยคาดหวังว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเราในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย"

"มูลนิธิอนุสรณ์สถาน 18 พฤษภาคมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การตัดสินใจในวันนี้จะสานความสมานฉันท์ให้ลึกซึ้งและสร้างความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย และทำให้พวกเรามีโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ"แถลงการณ์ตอนหนึ่งของคณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุ

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

รายชื่อผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนนับตั้งแต่ปี 2543

ปี 2543 ซานานา กุสเมา ประธานาธิบดีติมอร์ตะวันตก
ปี 2544 บาซิล เฟอร์นันโด ประธานคณะกรรมการสิทธมนุษยชนแห่งเอเชีย
ปี 2545 Korean Association Bereaved Families for Democracy
ปี 2546 แดนานียา กามาช จายันติ (Dandaneya Gamage Jayanti) อนุสรณ์สถานผู้สูญหาย ศรีลังกา
ปี 2547 อองซาน ซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย พม่า
ปี 2548 วาดาห์ ฮาฟิด ผู้อำนวยการ สมาพันธ์คนจนเมือง (Urban Poor Consortium - UPC) อินโดนีเซีย
ปี 2549 อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนจากประเทศไทย ภรรยาของทนายสมชาย นีละไพจิตร
และมาลาไล โจยา สมาชิกวุฒิสภา ปากีสถาน
ปี 2550 ชา มีล่า อีรอม ผู้อดอาหารเรียกร้องสันติภาพให้กับรัฐมณีปุระ ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
และเลนิน รากูวานชิ นักกิจกรรมที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในอินเดียตอนเหนือ

ปี 2551  มุนีร์ มาลิก ทนายชาวปากีสถาน
ปี 2552 มิน โก นาย อดีตแกนนำนักศึกษายุค 1988 และผู้ก่อตั้งสหพันธ์ของสหภาพนักศึกษาพม่าทั้งมวล All Burma Federation of Student Unions (ABFSU)
ปี 2553 สุชิล พยะคุเรล อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเนปาล และประธานคณะกรรมการจับตาภาระความรับผิด (AWC)
ปี 2554 นพ.บิยานาค เสน ทำงานด้านกุมารแพทย์ชนบทในพื้นที่รัฐฉัตติสครห์ ประเทศอินเดีย ต่อมาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อกล่าวหาร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธ Naxalite ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในการต่อสู้ชั้นศาลฎีกา
ปี 2555 มุน จองยอน บาทหลวงชาวเกาหลีใต้ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในยุคเผด็จการทหาร และมีบทบาทต่อต้านฐานทัพสหรัฐอเมริกาในเกาหลีใต้
ปี 2556 องค์กร H.I.J.O.S (บุตรและธิดาผู้ต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ ความยุติธรรม และต่อต้านการถูกลืมและความเงียบ) จากอาร์เจนตินา และนิตยสารรายสัปดาห์ Tempo จากประเทศอินโดนีเซีย

ปี 2557 อดิลู รามาน ข่าน ชาวบังกลาเทศผู้ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน การฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม การบังคับสูญหาย การซ้อมทรมาน ในภูมิภาคเอเชียใต้
และกลุ่มแม่แห่งคาวาราน (The Mothers of Khavaran) จากอิหร่าน ที่เรียกร้องให้ทางการอิหร่านสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการล่าสังหารในช่วงปฏิวัติอิหร่านในทศวรรษที่ 1980

ปี 2558 ละติฟา อะนัม สิเรกา ทนายความสิทธิมนุษยชนที่ว่าความให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิทางการเมืองในภูมิภาคปาปัวตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย และสมบัดิ สมพอน นักพัฒนาชาวลาว ผู้ถูกทำให้หายตัวไปในปี 2555

 

แปลและเรียบเรียงจาก

Nguyen Dan Que, Wikipedia

Vietnamese Gov’t Requests Nguyen Dan Que be Denied Human Rights Award, GFN, 2016-05-05 http://www.gfn.or.kr/bbs/board.php?bo_table=news_gfn&wr_id=4780

The Announcement of 2016 Gwangju Prize for Human Rights Recipients, 21 April 2016 http://eng.518.org/ease/board.es?mid=a50501000000&bid=0028&list_no=845&act=view

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สุธีชี้แจงภัณฑารักษ์ว่าไม่สนับสนุนรัฐบาลทหาร แต่ต่อสู้กับความฉ้อฉลในสภา

$
0
0

ศิลปินผู้นำผลงานสมัยชุมนุม กปปส. ไปแสดงที่หอศิลป์เมืองกวางจู ชี้แจงต่อภัณฑารักษ์ว่า เขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น ยกผลงานตนเทียบเท่าผู้คนร่วมลุกฮือที่กวางจูปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกฝักใฝ่ยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

 

18 พ.ค. 2559 กรณีที่สุธี คุณาวิชยานนท์ นำผลงานศิลปะไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการซึ่งมีผลงานของศิลปิน 5 ประเทศ มีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีเป็นศิลปะในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ซึ่งต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และปูทางไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ต่อมามีบุคคลหลายวงการในประเทศไทยการทำจดหมายทักท้วงภัณฑารักษ์ชาวเกาหลีใต้ เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขานั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ค. สุธี ได้เขียนจดหมายชี้แจงไปถึงลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าวชี้แจงว่าเขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น กิจกรรมและความเชื่อของเขามีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือจลาจลกวางจู เมื่อปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน โดยจดหมายของสุธีถึงภัณฑารักษ์ ฉบับแปลภาษาไทยอย่างไม่เป็นทางการ มีดังนี้

000

จดหมายถึงภัณฑารักษ์
เรียน ลิม จง ยอง (Jong-young Lim)

ผมขอขอบคุณในความกรุณาที่สนับสนุนผลงานของผม และผมอยากที่จะพูดว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในนิทรรศการ The Truth_To Turn It Over อันมีเกียรตินี้ ณ Gwangju Museum of Art

ผมอยากจะขอบคุณในความใจกว้างของคุณที่เปิดโอกาสให้ผมได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่มีต่อตัวผม กล่าวโดยสรุป ผมถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนรัฐบาลทหารในปัจจุบัน และที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือการสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองอันนำมาซึ่งการรัฐประหารโดยทหาร

ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งสอง และต้องการที่จะเน้นย้ำว่ากิจกรรมทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของผม ไม่ได้ทำไปเพื่อเชิดชูทหาร หากแต่มันเป็นการตอบโต้กับความฉ้อฉลของเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผมและคนไทยอีกหลายล้านคนได้ใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน เพื่อต่อต้านการใช้อำนาจอันบิดเบือนอย่างน่ารังเกียจโดยรัฐบาลของเธอ

ในระหว่างการประท้วง รัฐบาลของเธอหน้ามืดตามัวใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วงด้วยม็อบประชาชนที่จัดตั้งโดยรัฐบาลเอง มีบันทึกว่าผู้คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ความดื้อรั้นและขาดซึ่งสำนึกความรับผิดชอบต่อประชาธิปไตยของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำมาซึ่งทางตันและสูญญากาศทางการเมือง ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการรัฐประหาร

การใช้อำนาจอันบิดเบือน นำไปสู่การประท้วงโดยมวลชนในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2556 รวมไปถึงความพยายามในการใช้ เสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาผลักดันให้เกิดการใช้กฏหมายนิรโทษกรรมในกรณีความผิดเรื่องคอร์รัปชันของทักษิณ ชินวัตร  (พี่ชายของยิ่งลักษณ์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) นอกจากนี้ ศาลอาญาได้ตัดสินลงโทษทักษิณด้วยการสั่งจำคุก 2 ปี และยังมีอีกหลายข้อกล่าวหาที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ทักษิณไม่เคยสำนึกตนว่ากระทำผิดและอยู่ในระหว่างการหลบหนีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ยิ่งไปกว่านั้น ยุคสมัยของยิ่งลักษณ์ มีการคอร์รัปชันเกิดขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ มีการประเมินอย่างเป็นทางการว่า การคอร์รัปชันนี้สร้างความสูญเสียมูลค่ากว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากโครงการจำนำข้าวเพียงโครงการเดียว ทั้งตัวยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ กำลังถูกฟ้องในอาชญากรรมนี้ในศาลพลเรือน

การกระทำเช่นนี้ชัดเจนว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ก่อให้เกิดความรู้สึกในวงกว้างว่า ผู้คนนับล้านถูกทรยศ รวมถึงตัวผมเองด้วย ผมมีความภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ทางประชาธิปไตยในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ในการประท้วงตอบโต้กับการทรยศต่อเสียงโหวตที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้รับจากประชาชน ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีความเชื่ออย่างจริงใจว่า กิจกรรมและความเชื่อของผมมีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือขึ้นก่อจลาจลในเมืองกวางจู เมื่อปี 1980

ในความเป็นจริงแล้ว เผด็จการนั้นมาในหลายรูปแบบ ทั้งทหารและพลเรือน รัฐบาลทหารในปัจจุบันก็จะเผชิญหน้ากับการตอบโต้แบบเดียวกันจากตัวผมและคนอื่นๆ ถ้าทหารเหล่านั้นไม่ให้ความสนใจประชาชนเป็นอันดับแรก หรือถ้าหากทหารไม่คืนประชาธิปไตยให้กับประเทศนี้อย่างที่พวกเขาได้สัญญาเอาไว้

ผมควรที่จะเน้นไว้ ณ ที่นี้ด้วยว่า การเคลื่อนไหวเพื่อที่จะใส่ร้ายป้ายสีชื่อเสียงของผมได้รับการสนับสนุนจากพวกที่ฝักใฝ่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มันคือเกมทางการเมือง ซึ่งผมไม่ปรารถนาที่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วย และผมหวังอย่างจริงใจว่า คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อในลูกไม้ของคนพวกนี้

ผมหวังว่าผมจะมีโอกาสเข้าร่วมในนิทรรศการของคุณ และเชื่อว่าคุณจะมีความยับยั้งชั่งใจต่อข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวผม ซึ่งชัดเจนว่าถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการสร้างสถานการณ์ในรัฐทหารในปัจจุบัน

ด้วยความเคารพ
สุธี คุณาวิชยานนท์

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

วสันต์-มานิตย์หนุนงานศิลปะสุธี-เหมาะสมสะท้อนภาพต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นอย่างดี

$
0
0

มานิต ศรีวานิชภูมิ และวสันต์ สิทธิเขตต์ ทำหนังสือถึงภัณฑารักษ์ที่กวางจู เพื่อสนับสนุนการแสดงงาน 'สุธี คุณาวิชยานนท์'ว่าเหมาะสม-สะท้อนภาพการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนไทยโดยศิลปินไทย พร้อมเรียกร้องภัณฑารักษ์ให้มีสติและอดทนต่อการ "ใส่ร้ายป้ายสี""ทำลายเกียรติยศและชื่อเสียง"ของสุธี "ผู้ต่อต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด"

 

ผลงานของสุธี คุณาวิชยานนท์ ชุด "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"ที่นำผลงานไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูด้วย (ที่มา: Rama9Art)

18 พ.ค. 2559 กรณีที่สุธี คุณาวิชยานนท์ นำผลงานศิลปะไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการซึ่งมีผลงานของศิลปิน 5 ประเทศ มีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีที่นำไปแสดงคือ 'Thai Uprising'เป็นศิลปะในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ซึ่งต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และปูทางไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ต่อมามีบุคคลหลายวงการในประเทศไทยการทำจดหมายทักท้วงภัณฑารักษ์ชาวเกาหลีใต้ เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขานั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค.) มานิต ศรีวานิชภูมิ และวสันต์ สิทธิเขตต์ ซึ่งเคยแสดงผลงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ได้ทำจดหมายเปิดผนึก [ฉบับภาษาอังกฤษ] [ฉบับแปลภาษาไทย] ถึง ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ผู้ดูแลนิทรรศการศิลปะ ‘The Truth – to Turn It Over’ เพื่อสนับสนุนการแสดงผลงานของสุธี คุณาวิชยานนท์

อนึ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ค. สุธี ได้เขียนจดหมายชี้แจงไปถึง ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าวชี้แจงว่าเขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น กิจกรรมและความเชื่อของเขามีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือจลาจลกวางจู เมื่อปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

สำหรับจดหมายเปิดผนึกของมานิตย์ ศรีวานิชภูมิ และวสันต์ สิทธิเขตต์ มีรายละเอียดดังนี้

000

เรียน Mr. Lim Jong-young,

ตามที่ปรากฏข่าวบนโซเชียลมีเดีย และหนังสือพิมพ์ไทยบางฉบับว่า ท่านได้รับจดหมายจากคนไทยกลุ่มหนึ่ง ประท้วงการจัดแสดงผลงานศิลปะ ‘The Truth – to Turn It Over’ ของ อาจารย์สุธี คุณาวิชยานนท์ โดยกล่าวหาว่า “ต่อต้านประชาธิปไตย” (Anti democracy) เพราะผลงานและตัวศิลปินผู้มีส่วนร่วมในการประท้วงใหญ่ “ปิดกรุงเทพ” จนนำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งขณะนี้ท่านกำลังพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรนั้น

ข้าพเจ้า, ศิลปินไทยผู้รักประชาธิปไตยเช่นกัน ขอส่งสาส์นฉบับนี้มาสนับสนุนการคัดเลือกและแสดงผลงานชุดนี้ที่ท่านเป็นผู้คัดเลือกว่า เหมาะสมและสะท้อนภาพการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนไทยโดยศิลปินไทยได้เป็นอย่างดี

การกล่าวหาผลงานชุดนี้ว่า “ต่อต้านประชาธิปไตย” เพียงเพราะศิลปินเป็นพันธมิตรเข้าร่วมประท้วงกับกลุ่ม กปปส. จนเป็นเหตุอันนำไปสู่การรัฐประหารนั้น นับเป็นข้อกล่าวหาอันตื้นเขิน ไร้เหตุผล ไม่อาจยอมรับได้

การประท้วงของสุธีและประชาชนผู้มีใจบริสุทธิ์ และรักความถูกต้อง จำนวนนับล้านทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นการต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา ที่พยายามผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอัปยศ เพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยให้พ้นความผิดที่ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นพี่ชาย นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้น ตลอดจนถึงขบวนการปล้นภาษีประชาชนโดยรัฐบาลของเธอเองในโครงการประชานิยม “รับจำนำข้าว” ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยหลายแสนล้านบาท (เรื่องเช่นนี้ชาวเกาหลีเคยต่อสู้มาแล้ว)

การต่อสู้ดังกล่าวไม่อาจเรียกเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจาก “การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” และนั่นคือสิ่งที่สุธีและพวกเราทุกคนที่นี่กำลังทำอยู่ (เรื่องนี้จึงอยากขอให้ท่านศึกษาประวัติการทำงานศิลปะของสุธีให้ดี จะพบว่าเขาไม่เคยเรียกร้องหรือสนับสนุนเผด็จการในทุกรูปแบบ)

การเกิดรัฐประหารนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มี “นักต่อสู้ประชาธิปไตย” คนใดต้องการให้เกิด และหากไม่มีเหตุผลปัจจัยเพียงพอ เช่น ความรุนแรง รัฐประหารก็ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ทำไมกลุ่มผู้คัดค้านผลงานของสุธีจึงป้ายความผิดให้แก่ผู้ชุมนุมประท้วงเพียงฝ่ายเดียว ทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงไม่ไปกล่าวหาฝ่ายรัฐบาลเผด็จการสภาอันเป็นต้นเหตุ

ผลงานของสุธีไม่มีความผิด และไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารแต่อย่างใด (โปรดอ่านถ้อยคำบนเนื้องานของสุธีประกอบ) ผลงานเหล่านี้เกิดขึ้นในบริบทของการประท้วงรัฐบาล ณ ขณะนั้น

ข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องให้ท่านมีสติและมีความอดทนต่อกระบวนการ “ใส่ร้ายป้ายสี” ทำลายเกียรติยศและชื่อเสียงของ สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด และต้องขออภัยที่ท่านและองค์กรของท่านต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอันสลับซับซ้อน สงครามสร้างภาพลักษณ์ การแย่งชิงมวลชน, อำนาจ และผลประโยชน์ของไทย

ด้วยความนับถือและจริงใจ

มานิต ศรีวานิชภูมิ (แสดงกวางจู เบียนนาเล่ 2006)
วสันต์ สิทธิเขตต์ (แสดงกวางจู เบียนนาเล่ 2004)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

จม.ถึงหอศิลป์กวางจูฉบับที่ 2 ขอให้ติดตั้งจดหมายประท้วงคู่ผลงานศิลปะยุค กปปส.

$
0
0

กรณีหอศิลป์กวางจู แสดงผลงานศิลปะยุค กปปส. ในงานรำลึก 36 ปีสลายการชุมนุมกวางจูปี 1980 ล่าสุดบุคคลหลายวงการยื่นจดหมายเปิดผนึก กวป. ฉบับที่ 2 ถึงภัณฑารักษ์ ชี้แจงบริบทการเมืองไทย ความร่วมมือระหว่างศิลปิน Art Lane และ กปปส. และเรียกร้องให้พิมพ์จดหมายเปิดผนึกของ กวป. ติดตั้งคู่กับผลงานแสดงของสุธี คุณาวิชยานนท์ ที่หอศิลป์กวางจู

ด้านอำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ หัวหน้าศิลปินกลุ่ม Art Lane นึกว่าเป็นการกดดันให้ถอดงานแสดง จึงทำจดหมายเข้าชื่อกันเพื่อสนับสนุนสุธี ยืนยันว่าสุธีไม่สนับสนุนเผด็จการทหาร ผลงานของสุธีไม่เคยมีความบกพร่อง เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

 

24 พ.ค. 2559 กรณีที่สุธี คุณาวิชยานนท์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นำผลงานศิลปะไปแสดงที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการซึ่งมีผลงานของศิลปิน 5 ประเทศ มีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีเป็นศิลปะในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ซึ่งต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และปูทางไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และต่อมามีบุคคลหลายวงการในประเทศไทยลงลายชื่อท้ายจดหมายเปิดผนึกในนาม "กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย"หรือ กวป. ทักท้วงลิม จองยัง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขานั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ต่อมาในวันที่ 18 พ.ค. สุธี ได้เขียนจดหมายชี้แจงไปถึงภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าวชี้แจงว่าเขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น กิจกรรมและความเชื่อของเขามีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือจลาจลกวางจู เมื่อปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

หอจดหมายเหตุ 518 ที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นสถานที่จัดแสดงข้อมูล ภาพ และวัตถุที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงข้อมูลการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ของเอเชียด้วย (คลิกเพื่อชมภาพหอจดหมายเหตุ 518)

 

กวป. ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เรียกร้องพิมพ์จดหมายประท้วงติดคู่ผลงานของสุธี

ล่าสุด "กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย"ได้ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ถึงภัณฑารักษ์ชาวเกาหลีใต้ โดยชี้แจงบริบททางการเมืองในประเทศไทย ความร่วมมือระหว่างศิลปินที่จัดกิจกรรมอาร์ตเลนและ กปปส. นอกจากนี้เรียกร้องให้ภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารของหอศิลปะเมืองกวางจู กล่าวขอโทษต่อความไม่เข้าใจในเรื่องวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยจนนำไปสู่การเชื้อเชิญสุธี คุณาวิชานนท์เข้าร่วมการรำลึกการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมืองกวางจู โดยทำเป็นภาษาเกาหลี ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ยังเรียกร้องพิมพ์จดหมายเปิดผนึกของ กวป. ติดตั้งคู่กับผลงานแสดงของสุธีที่หอศิลปะเมืองกวางจู และให้จัดพิมพ์จดหมายเปิดผนึก จดหมายโต้ตอบ ทั้งฝ่าย กวป. สุธีและผู้สนับสนุน ตลอดจนจดหมายของภัณฑารักษ์โดยหอศิลปะวัฒนธรรมเมืองกวางจู รวบรวมไว้ในหอจดหมายเหตุ 518 "เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนรุ่นหลังจะเป็นผู้ตัดสินการกระทำของเราในวันนี้"โดยจดหมายเปิดผนึกของ กวป. ฉบับที่ 2 รายละเอียดอยู่ที่ท้ายข่าว

 

หัวหน้ากลุ่ม Art Lane ล่าชื่อหนุนสุธี ยันไม่สนับสนุนเผด็จการทหาร ผลงานไม่เคยบกพร่อง

อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ หัวหน้ากลุ่ม Art Lane (คนที่ 3 จากซ้าย) ร่วมแถลงข่าวจัดงาน Art lane #9 อิน แปซิฟิก ซิตี้ คลับ เมื่อ 29 เมษายน 2559 โดยเป็นความร่วมมือกับมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อประมูลผลงานของศิลปิน Art Lane ระหว่างวันที่ 12-17 พฤษภาคม เพื่อหารายได้ก่อสร้างอาคารเรียน วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ (ที่มา: แฟ้มภาพ/มติชนออนไลน์)

 

อนึ่ง มติชนออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ว่า เฟซบุ๊กของ ชลิต นาคพะวัน อาชีพศิลปิน และนิติกร กรัยวิเชียร อาชีพช่างภาพ ได้เผยแพร่จดหมายฉบับหนึ่งซึ่งลงชื่อว่าเป็นของ อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ หัวหน้าศิลปินกลุ่ม Art Lane และยังมีตำแหน่งเป็นคณบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมีผู้ร่วมกันลงชื่อท้ายจดหมายดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าประวัติการทำงานของสุธีนั้น "ไม่มีแนวทางและแนวความคิดในการสนับสนุนเผด็จการทหารแต่อย่างใด รวมทั้งในประวัติการแสดงงานศิลปะของ รศ.สุธี ไม่เคยมีความบกพร่อง รวมทั้งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้"โดยจดหมายเปิดผนึกที่ลงชื่อโดยอำมฤทธิ์ อยู่ที่ท้ายข่าว

มติชนออนไลน์ ระบุว่า มีผู้ร่วมลงชื่อเป็นจำนวนมากในหลากหลายสาขาอาชีพ อาทิ อาจารย์มหาวิทยาลัย ศิลปิน นางแบบ ผู้กำกับการแสดง ช่างภาพ บรรณาธิการนิตยสาร และผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น รศ.ดร.สุภาวี ศิรินคราภรณ์ อาจารย์คณะมัณฑนศิลป์ ม.ศิลปากร, รศ.สิทธิพร ภิรมย์รื่น อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร, ลูกปลิว จันทร์พุดซา อาจารย์คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร, อัญชลี ไพรีรักษ์ สื่อมวลชน, เบญญา นันทขว้าง เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ,ทราย-วรรณพร ฉิมบรรจง ศิลปินและอดีตนักแสดง จี๊ด-สิกขา ฐิตาระดิษฐ์ (แสงทอง เกตุอู่ทอง) นางแบบชื่อดัง รวมถึงนนทรีย์ นิมิบุตร อาชีพผู้กำกับภาพยนตร์

 

อ้างมีการกดดันให้ถอดงานสุธี - ขณะที่ข้อเรียกร้อง กวป. แค่ขอให้หอศิลป์กวางจูนำเสนอเสียงที่แตกต่าง

ทั้งนี้ในจดหมายของกลุ่ม Art Lane ยังระบุว่ากลุ่ม กวป. "พยายามกดดันให้ภัณฑารักษ์ ชาวเกาหลี ถอดงานออกจากการแสดง"อย่างไรก็ตามเมื่อตรวจสอบจดหมายเปิดผนึกของ กวป. ทั้ง ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ไม่มีข้อเรียกร้องให้ถอดงานของสุธีออกจากการแสดงแต่อย่างใด โดยในจดหมาย กวป. ฉบับที่ 1 เป็นการระบุข้อเรียกร้องว่าเป็นการถามภัณฑารักษ์ของนิทรรศการและคณะกรรมการ "ถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการ"และย้ำว่า "เชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู"

ส่วนจดหมายเปิดผนึกของ กวป. ฉบับที่ 2 เรียกร้องให้พิมพ์จดหมายเปิดผนึกของ กวป. ติดตั้งคู่กับผลงานแสดงของสุธีที่หอศิลปะเมืองกวางจู เรียกร้องต่อภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารของหอศิลปะเมืองกวางจูกล่าวขอโทษต่อความไม่เข้าใจในเรื่องวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยจนนำผลงานของสุธีมาจัดแสดง และเรียกร้องให้จัดพิมพ์จดหมายเปิดผนึก จดหมายโต้ตอบ ทั้งฝ่าย กวป. สุธี และผู้สนับสนุน ตลอดจนจดหมายของภัณฑารักษ์ โดยให้หอศิลปะเมืองกวางจูรวบรวมไว้ในหอจดหมายเหตุ 518 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้คนรุ่นหลังเป็นผู้ตัดสินการกระทำของทุกฝ่าย

อนึ่งก่อนหน้านี้ มานิต ศรีวานิชภูมิ และวสันต์ สิทธิเขตต์ ทำหนังสือถึงภัณฑารักษ์ที่กวางจู เพื่อสนับสนุนการแสดงงาน 'สุธี คุณาวิชยานนท์'ว่าเหมาะสม-สะท้อนภาพการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนไทยโดยศิลปินไทย พร้อมเรียกร้องภัณฑารักษ์ให้มีสติและอดทนต่อการ "ใส่ร้ายป้ายสี""ทำลายเกียรติยศและชื่อเสียง"ของสุธี "ผู้ต่อต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด"(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

000

จดหมายเปิดผนึกกลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ฉบับที่ 2

เรียนคุณลิม จองยัง ภัณฑารักษ์ และผู้อำนวยการหอศิลปะเมืองกวางจู
สำเนาเรียน มูลนิธิ May 18 Memorial Foundation

พวกเราขอขอบคุณที่ท่านสนองตอบต่อจดหมายเปิดผนึกอย่างรวดเร็ว จดหมายตอบของคุณแสดงให้เห็นความตั้งใจจริงที่จะสร้างความเข้าใจที่ดีร่วมกันระหว่างประชาชนไทยและพลเมืองชาวกวางจูตลอดจนประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พวกเราหวังว่าจดหมายตอบโต้ของพวกเราจะทำให้เกิดความสนใจจากสาธารณชนอันเกิดจากกรณีการเข้าร่วมแสดงงานของศิลปินสุธี คุณาวิชยานนท์ ณ หอศิลปะเมืองกวางจู (Gwangju Museum of Art: GMA) เพื่อจะเรียนรู้ถึงความทุกข์ยากของประชาชนระหว่างการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าพวกเรายืนอยู่ได้ด้วยมรดกความเสียสละของพวกเขาเหล่านั้น

พวกเราได้สื่อสารไปยังเพื่อนสมาชิกกลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) เกี่ยวกับจดหมายตอบของคุณ และในนามของ กวป. พวกเรามีข้อเรียกร้องดังนี้

1. เพื่อทำความเข้าใจในบริบทงานของสุธี พวกเราเรียกร้องให้หอศิลปเมืองกวางจูติดตั้งจดหมายเปิดผนึกของเราคู่ไปกับผลงานของสุธี พวกเรายืนยันหลักการที่ว่าเราเคารพต่อเสรีภาพในการแสดงออกของศิลปิน แต่จากพฤติการณ์การเข้าร่วมกับกลุ่ม Art Lane (อาร์ตเลน) ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”  ( กปปส.) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการล้มล้างประชาธิปไตยไทย  หอศิลปเมืองกวางจูควรจะเผยแพร่ข้อมูลและเสียงที่แตกต่างออกจากผลงานของสุธี

2.  พวกเราใคร่ขออธิบายภูมิหลังการร่วมมือระหว่าง อาร์ตเลนและกปปส. และการใช้ความรุนแรงและทำลายล้างประชาธิปไตยในประเทศไทย

ตามข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งในเดือนพฤศจิกายน 2556 ทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างยิ่งและออกมาต่อต้านทั้งฝ่าย กปสส. และ นปช. บางส่วน และประชาชนทั่วไปที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดต่างพากันออกมาเรียกร้อง ประท้วงรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ยุบสภาในวันที่ 10 ธันวาคม 2556 เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนเพื่อจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั่นถือเป็นแนวทางอารยะและสันติสุขในการแก้ปัญหาประเทศ หากแต่เป็นประเด็นสำคัญที่สุธีและผู้สนับสนุนของเขาไม่เคยกล่าวถึงเลย

แทนที่จะยอมรับการยุบสภาและเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอันเป็นวิถีประชาธิปไตย บรรดา กปปส. และผู้สนับสนุนต่างปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีรัฐบาลพระราชทานซึ่งเป็นการการะทำที่ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่เพียงแต่เท่านั้น ฝ่าย กปปส. ยังเร่งเร้าให้ผู้สนับสนุนออกมาปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ และปิดหน่วยเลือกตั้งในทุกวิธีการที่ทำได้ ในนามการรณรงค์ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ซึ่งปรากฏชัดในผลงานของสุธีและผู้สนับสนุนของเขา

ผลของการกระทำดังกล่าวจึงเกิดความรุนแรงบนท้องถนนในหลายจุดทั่วกรุงเทพมหานคร ภายใต้คำขวัญ ‘Shut Down Bangkok’ ทำให้ฝ่าย กปปส. เป็นผู้ได้เปรียบ และเป็นการรุกฝ่ายรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ ตลอดจนผู้สนับสนุนให้เหลือพื้นที่ไม่มากนัก

นอกจากนั้นยังมีนักวิชาการจำนวนไม่น้อยที่ชี้ว่า ขบวนการ กปปส. เป็นเครือข่ายที่กระทำการร่วมกันและผลักดันให้เกิดวิกฤตจนเปิดทางให้ทหารและกองทัพเข้าแทรกแซง ซึ่งพวกเราสามารถเสนอผลงานวิชาการจำนวนมากในภาษาอังกฤษที่สนับสนุนข้อสรุปนี้  เพื่อให้สาธารณชนได้เข้าใจบริบทและสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ซับซ้อนดียิ่งขึ้น

ความรุนแรงบนท้องถนนที่สำคัญที่สุดกรณีหนึ่งก็คือกรณีการปะทะกันหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ซึ่งเกิดกรณีฝ่าย กปปส. กล่าวหาว่า ผู้ชุมนุม นปช. กรีดทำลายสัญลักษณ์พ่อขุนรามคำแหงและเป็นการกระทำที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฝ่าย กปปส. เรียกร้องระดมคนให้มาปะทะกับฝ่าย นปช. ที่มาชุมนุม ณ รัชมังคลากีฬาสถานใกล้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหง แม้จะอยู่ห่างไกลจากเวทีของฝ่าย กปปส. แต่พวกเขาก็ระดมคนมาปะทะจนเกิดผู้เสียชีวิต 5 ราย  ในจำนวนนี้เป็น นปช. 3 ราย เป็นฝ่าย กปปส. หนึ่งราย และมีผู้ติดในซากรถที่ถูกเผาหนึ่งราย มีผู้บาดเจ็บกว่า 68 ราย

กรณีการปะทะหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงอย่างต่อเนื่องบนท้องถนนของกรุงเทพมหานครนับแต่กรณีสลายการชุมนุมเมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นับจากกรณีปะทะที่ถนนรามคำแหงมีผู้เสียชีวิตกว่า 25 ราย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต 3 นายจากความพยายามล้มการเลือกตั้งของฝ่าย กปปส. มีผู้บาดเจ็บรวมกันกว่า 782 ราย ส่วนใหญ่เป็นความรุนแรงที่ตั้งต้นจากฝ่ายนิยมความรุนแรงของ กปปส.

3. พวกเราเรียกร้องให้ภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารของ GMA ได้กล่าวขอโทษต่อความไม่เข้าใจในเรื่องวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยจนนำไปสู่การเชื้อเชิญสุธี คุณาวิชานนท์เข้าร่วมการรำลึกการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมืองกวางจู โดยกระทำเป็นภาษาเกาหลี ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

4. พวกเราเรียกร้องให้จัดพิมพ์จดหมายเปิดผนึก จดหมายโต้ตอบ ทั้งฝ่าย กวป. สุธีและผู้สนับสนุน ตลอดจนจดหมายของภัณฑารักษ์โดย GMA รวบรวมไว้ในหอจดหมายเหตุ 518 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนรุ่นหลังจะเป็นผู้ตัดสินการกระทำของเราในวันนี้

ด้วยความสมานฉันท์
กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)

ผู้ลงชื่อท้ายจดหมาย กวป. ฉบับที่ 2

1. Abhichon Rattanabhayon  Media studio 2. Akara Pacchakkhaphati  Film maker 3. Angkrit Ajchariyasophon  Artist/ gallerist 4. Anocha Suwichakornpong  Film maker 5. Anurak Tanyapalit Freelance 6. Anusorn Tipayanon   Writer 7. Apichatpong Weerasethakul     Film maker 8. Aranya SiriphonFaculty of Social Sciences, Chiang Mai University 9. Ariya Pacharawan Graphic designer 10. Ariya Theprangsimankul Theatre facilitator

11. Arjin ThongyuukongThammasat University 12. ArjinJonathan Arjinkit     Artist/ lecturer, Rajanagarindra Rajabhat University 13. Arnont Nongyao   Artist 14. Arthit MulsarnFreelance 15. Arthit Suriyawongkul Activist 16. Artit Srijan Lecturer, Phranakorn Rajabhat University 17. Asira Panaram Content Editor 18. Athapol Anunthavorasakul  Lecturer, Chulalongkorn University 19. Atikom Mukdaprakorn   Artist/ cultural activist 20. Attaphol Sudawannasuk Artist

21. Ben Busarakamwong   Cultural activist 22. Benjamas Boonyarit Student, activist 23. Benjamas Winitchakul Architect 24. Bordin TheparatFilm critic 25. Cattleya Paosrijaroen   Film maker 26. Chai Siris    Film maker 27. Chaiwat WiansantiaArtist 28. Chaiyan Rajchagool Scholar in residence, Faculty of Political and Social Sciences, University of Phayao 29. Chakkrit Chimnok   Artist 30. Chaloemkiat SaeyongFilm maker

31. Chanan YodhongPhD Candidate, Thammasat      University 32. Chanin sriyoyod Lecturer, Arts and design, Chaiyaphum Rajabhat University 33. Chayanin TiangpitayagornFilm critic 34. Chettapat Kueankaeo   Theater director 35. Chiranuch Premchaiporn   Journalist, director of Prachatai 36. Chontida Auikool    Thammasat University 37. Chotchuang MeepomLecture  38. Chulayarnnon Siriphol Artist/ film maker 39. Chuwat Rerksirisuk Editor in Chief of Prachatai  40. Chuveath DethdittharakInstitute of Human Rights and Peace Studies, Mahidol University

41. Danaya Chulphuthiphong  Photographer/ film maker 42. Ded Chongmankong   Photographer 43. Dollapak SuwanpanyaActivist 44. Dontree Siribunjongsak  Musician 45. Duangrit Bunnag Architect 46. Duangrurthai Asanachatang   Editor 47. Ekanop SuwannakosumGraphic designer/ lecturer, Chiang Mai University 48. Ekkalak NabthuesukLecturer 49. Farida Jiraphan   Performance artist 50. Foyfon Chaimongkol PhD Candidate, Burapha University

51. Gandhi Wasuvitchayagit  Writer 52. Ina PhuyuthanonLecturer, Faculty of Fine arts, Srinakharinwiriot university 53. Inthira Vittayasomboon   Cultural activist 54. Janit Feangfu    Lecturer, Chiang Mai University 55. Jarunun Phantachat Theatre director 56. Jirasak Monkiatkul   Interior designer 57. Jirat Prasertsup   Cultural activist  58. Jirat Ratthawongjirakul Gallerist 59. Judha Suwanmongkol Independent art writer/ researcher 60. Kahat Sujipisut    Artist

61. Kasem Phenpinant Department of Philosophy, Chulalongkorn University  62. Kampanart Sangsorn Illustrator 63. Kampol ChampapanHistorian 64. Kanteera Sanguantung 65. Karnt Thassanaphak Poet / documentary photographer 66. Kasem PhenpinantLecturer, Department of Philosophy, Chulalongkorn University 67. Kasiti Sangkul Film director 68. Kavintron Sangsakron   Performance artist 69. Keawalee Warutkomain  Art director 70. Kengkij KitirianglarpLecturer, Chiang Mai University

71. Kessarin Tiawsakul 72. Kittima Chareeprasit   Curator 73. Komluck Chaiya Lecturer,Phranakhorn Si Ayutthaya, Rajabhat University 74. Komtham Domrongchareon Lecturer, Silpakorn University 75. Kongkrit Traiyawong   Lecturer, Walailak University 76. Korada Srithongkird  77. Kornkrit Jianpinidnan   Artist 78. Kornrapin Mesiyahdol Lecturer, Chiang Mai University 79. Kriangkrai Patomnetikul Graphic designer 80. Krit Lualamai     Writer

81. Krittawit RimthepartipWriter 82. Ladapha Sophonkunkit  Performance artist 83. Ladda Kongdach   Performance artist 84. Lakkana Punwichai   Writer  85. Latthapon Korkiatarkul   Artist 86. Lyla Phimanrat    Gallerist 87. Makha Sanewong Na Ayutthaya Artist 88. Mit Jai Inn   Artist 89. Miti Ruangkritya   Artist 90. Mo Jirachaisakul   Artist

91. Montri Toemsombat   Artist 92. Nakin Poonsri Gardener 93. Namfon Udomlertlak   Film maker 94. Narawan Pathomvat    Researcher 95. Nataya U-Kong           Lecturer, Silpakorn University  96. Nawapooh Sae-tang   Critic 97. Nithinand Yorsaengrat   Journalist 98. Nok Paksanavin   Writer 99. Nontawat NumbenchapolFilm maker 100. Nopawat Likitwong   Sound artist/ sound engineer

101. Noraset Vaisayakul   Artist 102. Nut SawasdeeArtist 103. O Techadilok   Graphic designer 104. Orapakk Ruttphatai  PhD Candidate, Social Science, Chiang Mai University 105. Orawan Arunrak   Artist 106. Ornanong Thaisriwong Performance artist 107. Pakavadi VeerapasapongTranslator, writer 108. Pandit ChanrochanakitLecturer, Faculty of Political Science, Ramkhamhaeng University 109. Panithita Kiatsupimon Graphic designer 110. Panu Boonpipattanapong  Writer

111. Panu Trivej Lecturer, Kasetsart University 112. Paphonsak La-or   Artist 113. Parinot Kunakornwong   Artist 114. Pasakorn Intoo-Marn   Performance artist/ lecturer, Mahidol University 115. Patara PadungsuntararukThaksin University, Songkhla 116. Pathompon Tesprateep  Artist 117. Pattaranan TakkanonLecturer, Faculty of Architecture, Kasetsart University 118. Pavinee Samakkabutr   Performance artist 119. Pawaluk Suraswadi   Performance artist 120. Pawin Ramingwong   Artist/ lecturer, Phayao University

121. Penwadee Nophaket Manont Indendent curator/ cultural worker  122. Phonchai Iamnuy Graphic designer 123. Phu Kra-dart Writer 124. Pichaiwat Saengprapan  Artist/ lecturer, Srinakarinwirot University 125. Pimsiri Petchnamrob    Activist 126. Pinkaew Laungaramsri,Lecturer, Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University 127. Pisit Darnwirunhawanit Freelance 128. Pisitakun Kuantalaeng  Artist 129. Pitch PongsawatLecturer, Faculty of Political Science, Chulalongkorn University 130. Piyarat Piyapongwiwat   Artist

131. Pongjit  Saphakhun   Performance artist 132. Potjawan Panjinda   Gallerist 133. Prach PanchakunathornPhD candidate, Department of Philosophy, University of Toronto 134. Prakiat Khunpol Poet/ writer 135. Prapat Jiwanrangsan   Artist 136. Pratompong Namjaidee  Artist 137. Puangthong PawakapanFaculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University 138. Ratapong Pinyosophon Playwright 139. Ratchapoom BoonbunchachokeFilm maker 140. Rattanai Bampenyou Music teacher/ historian

141. Rittipong Mahapetch Activist 142. Rodjaraeg Wattanapanit  Cultural activist 143. Ruangsak Anuwatwimon  Artist 144. Sakkarin suttisarn/AssistantLecturer, Faculty of Finearts,   Chiangmai University  145. Santiphap inkong-ngamFilm maker/ lecturer, Chiang Mai University 146. Saran SamantaratLecturer, Department of Landscape, Faculty of Architecture Kasetsart University 147. Sathit Sattarasart Artist 148. Sawit Prasertphan   Artist/ lecturer, Chiang Mai University 149. Sina Wittayawiroj   Artist 150. Sirawish BoonsriArt Teacher

151. Sirichoke Lertyaso  Photographer/ writer 152. Siripoj Laomanacharoen  Writer  153. Somchai Saejiu Creative director 154. Sompoch AungArtist 155.Sompong LeerasiriArtist 156. Songkran SomchandraLecturer, Chiangmai Rajabhat University 157. Sorayut  Aiemueayut  Lecturer, Chiang Mai University 158. Suchada Suwannasorn Film producer 159. Suchart Swasdsri    Writer  160. Sukanya Seskhuntod   Cultural activist

161. Supachai AreerungruangLecturer, Faculty of Fine Arts, Srinakharinwirot University 162. Sutthirat Supaparinya   Artist 163. Tada Hengsapkul   Artist 164. Takerng PattanopasArtist 165. Tanaphon Inthong Artist 166. Tanate Makkasakul  Designer 167. Tanyanun Aoiaree Graphic designer 168.Techit Jiropaskosol Designer/ lecturer 169. Teeramon Buangam 170. Teerapon Anmai Lecturer/ writer

171. Teerapong Suthiwarapirak  Writer 172. Teerawat Mulvilai   Performance artist 173. Tepwuit BuatoomArtist 174. Thanapas DejpawuttikulDoctoral Researcher, Graduate School of Asia-Pacific Studies, Waseda University 175. Thanapol Virulhakul Choreographer 176. Thanavi Chotpradit Lecturer, Silpakorn University 177. Thanet AwsinsiriArtist/ lecturer 178. Thanom Chapakdee  Lecturer, Faculty of Fine Arts, Srinakharinwirot University 179. Tharit Tothong    Critic 180. Thasnai Sethaseree   Artist/ lecturer, Chiang Mai University

181. Thatchatham SilsupanComposer/ lecturer, Chiang Mai University 182. Thawiphat Praengoen   Artist/ cultural activist 183. Thida Plitpholkarnpim Film distributor/ Writer 184. Thitibodee Rungteerawattananon   Artist 185. Torwong Salwala Media Content Creator 186. Tossapon TassanakunlapanLecturer, Faculty of Law, Chiang Mai University 187. Uthis Haemamool   Writer 188. Uthit Attimana    Artist/ lecturer, Chiang Mai University 189. Verita SriratanaLecturer, Faculty of Arts, Chulalongkorn University 190. Vichapon Diloksambandh  Performance artist

191. Viengrat NethipoFaculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University  192. Vipash Purichanont PhD candidate, Department of Visual Cultures, Goldsmiths, University of London 193. Vorakorn Ruetaivanichkul  Film maker 194. Wachara Kanha Film maker 195. Warasinee ChansawangGallerist 196. Wasu wanrayangkoon  Performance artist 197. Wattakorn Kawinkham Artist 198. Weroon Wuthirithakul   Cultural activist 199. Wichanon Somumjarn   Film maker 200. Wichaya Artamat Theatre director

201. Wirapa Angkoontassaniyarat Editor 202. Wiwat Lertwiwatwongsa  Film critic 203. Worathep AkkabootaraIndependent curator/ writer 204. Yingsiwat Yamolyong   Film maker 205. Yingyod YenarkarnArtist 206. Yukti MukdawijitraLecturer, Faculty of Sociology and Anthropology, Thammasat University 207. Yuthchack DamsuwanCreative director 208, Yutthana Darakron   Cultural activist 209. Yutthana MeesongCreative director

000

จดหมายเปิดผนึกของหัวหน้ากลุ่ม Art Lane

"ตามที่ได้มีกลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ทำจดหมายเปิดผนึก ลงนามโดยบุคคลในสาขาอาชีพต่างๆ รวม 118 ชื่อ ส่งถึงภัณฑารักษ์ชาวเกาหลีของพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ให้ทบทวนการนำผลงานของ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ออกแสดงในนิทรรศการ The Truth_to Turn It Over

โดยมีเนื้อหาชี้นำและปลุกปั่นว่าเป็นศิลปินที่สนับสนุนเผด็จการทหารให้ออกมายึดอำนาจ ประชาธิปไตยไปจากประชาชน คนไทย และพยายามกดดันให้ภัณฑารักษ์ ชาวเกาหลี ถอดงานออกจากการแสดง ที่ เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้

เราขอยืนยันว่าจากประวัติการทำงานของ รศ. สุธี นั้นไม่มีแนวทางและแนวความคิดในการสนับสนุนเผด็จการทหารแต่อย่างใด รวมทั้งในประวัติการแสดงงานศิลปะของ รศ.สุธี ไม่เคยมีความบกพร่อง รวมทั้งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้

จึงใคร่ขอความยุติธรรมให้กับศิลปินชาวไทย โดยร่วมกันลงชื่อสนับสนุน รศ.สุธี ในการแสดงผลงานที่กวางจู และคัดค้านการกระทำที่ขัดต่อความเป็นจริงในครั้งนี้

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา

อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ
หัวหน้ากลุ่ม Art Lane"

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

'Guerrilla Boys'ไปถึงกวางจูโพสต์ป้ายประท้วงหน้างานศิลปะ กปปส.

$
0
0

ศิลปินกลุ่ม Guerrilla Boys เยือนหอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมโพสต์รูปถือป้ายหน้าผลงานศิลปะยุค กปปส. ของ'สุธี คุณาวิชยานนท์'โดยในป้ายเขียนข้อความว่า "ผลงานนี้ยังคงรอ 'รัฐบาลทหาร'เนรมิตประชาธิปไตยให้พวกเขา"

ที่มาของภาพ: เพจ Guerrilla Boys เมื่อ 25 พ.ค. 2559

25 พ.ค. 2559 วันนี้ในเพจของกลุ่มศิลปิน Guerrilla Boys มีการโพสต์ภาพ คนสวมหน้ากากกอริลลายืนอยู่เบื้องหน้าผลงาน "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"ผลงานศิลปะของสุธี คุณาวิชยานนท์ ที่จัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"ที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยคนสวมหน้ากากกอริลลายังถือกระดาษเขียนข้อความว่า "This work still waiting 'Junta' create democracy for them!!!"หรือ "ผลงานนี้ยังคงรอ 'รัฐบาลทหาร'เนรมิตประชาธิปไตยให้พวกเขา"และลงชื่อ Guerrilllaboys ท้ายข้อความ

โดยภาพด้านหลังของศิลปินที่เป็นสมาชิก Guerrilla Boys เป็นโปสเตอร์ในงาน "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"ที่สุธีสร้างสรรค์ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2556 - 2557 และใช้ในช่วงรณรงค์ของ กปปส. โดยในโปสเตอร์เขียนข้อความที่เป็นคำขวัญในช่วงการเคลื่อนไหวของ กปปส. เช่น "Reform Now ปฏิรูปก่อน""ยึดคืนประเทศไทย""ไทยอย่าเฉย"ฯลฯ

ทั้งนี้ในเพจของศิลปินกลุ่ม Guerrilla Boys ระบุว่าโปรเจกต์นี้เกิดขึ้นจากจดหมายฉบับที่ ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดง โดยในโพสต์มีการอ้างถึงจดหมายฉบับดังกล่าว

"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น"(อ่านจดหมายฉบับดังกล่าว)

ที่มาของภาพ: เอื้อเฟื้อภาพโดยเพจ Guerrilla Boys เมื่อ 25 พ.ค. 2559

และเมื่อถ่ายภาพคู่กับงานศิลปะแล้ว Guerrilla Boys ได้ปริ้นท์รูปที่ถ่ายจากกล้องโพลารอยด์และลักลอบแปะภาพถ่ายในจุดต่างๆ เพื่อส่งสารถึงภัณฑารักษ์ของหอศิลปะเมืองกวางจูด้วย

อนึ่งสุธี คุณาวิชยานนท์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นำผลงานศิลปะไปแสดงที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการซึ่งมีผลงานของศิลปิน 5 ประเทศ มีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีเป็นศิลปะในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ซึ่งต่อต้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และปูทางไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และต่อมามีบุคคลหลายวงการในประเทศไทยลงลายชื่อท้ายจดหมายเปิดผนึกในนาม "กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย"หรือ กวป. ทักท้วงลิม จองยัง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขานั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ต่อมาในวันที่ 18 พ.ค. สุธี ได้เขียนจดหมายชี้แจงไปถึงภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าวชี้แจงว่าเขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น กิจกรรมและความเชื่อของเขามีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือจลาจลกวางจู เมื่อปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ล่าสุด "กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย"ได้ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ถึงภัณฑารักษ์ชาวเกาหลีใต้ โดยชี้แจงบริบททางการเมืองในประเทศไทย ความร่วมมือระหว่างศิลปินที่จัดกิจกรรมอาร์ตเลนและ กปปส. นอกจากนี้เรียกร้องให้ภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารของหอศิลปะเมืองกวางจู กล่าวขอโทษต่อความไม่เข้าใจในเรื่องวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยจนนำไปสู่การเชื้อเชิญสุธี คุณาวิชานนท์เข้าร่วมการรำลึกการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมืองกวางจู โดยทำเป็นภาษาเกาหลี ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ยังเรียกร้องพิมพ์จดหมายเปิดผนึกของ กวป. ติดตั้งคู่กับผลงานแสดงของสุธีที่หอศิลปะเมืองกวางจู และให้จัดพิมพ์จดหมายเปิดผนึก จดหมายโต้ตอบ ทั้งฝ่าย กวป. สุธีและผู้สนับสนุน ตลอดจนจดหมายของภัณฑารักษ์โดยหอศิลปะวัฒนธรรมเมืองกวางจู รวบรวมไว้ในหอจดหมายเหตุ 518 "เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนรุ่นหลังจะเป็นผู้ตัดสินการกระทำของเราในวันนี้"(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ขณะที่อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ หัวหน้าศิลปินกลุ่ม Art Lane และยังมีตำแหน่งเป็นคณบดีคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เขียนจดหมายไปถึงภัณฑารักษ์ที่หอศิลปะเมืองกวางจู เพื่อสนับสนุนสุธี โดยมีผู้ร่วมกันลงชื่อท้ายจดหมาย เนื้อความในจดหมายระบุว่าประวัติการทำงานของสุธีนั้น "ไม่มีแนวทางและแนวความคิดในการสนับสนุนเผด็จการทหารแต่อย่างใด รวมทั้งในประวัติการแสดงงานศิลปะของ รศ.สุธี ไม่เคยมีความบกพร่อง รวมทั้งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้"

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

สุธี คุณาวิชยานนท์ ยินดีให้ติดจดหมายทักท้วงคู่งานศิลปะที่กวางจู-มานิตฮึ่ม! ยุให้ฟ้อง

$
0
0

“กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม” แถลงหนุน ‘สุธี คุณาวิชยานนท์’ ออกจดหมายถึงภัณฑารักษ์เกาหลี อย่าให้กลุ่มที่ไม่มีคนรู้จักอ้าง "ความถูกต้องทางการเมือง"เซ็นเซอร์การแสดงออกของศิลปิน - ทำลายชีวิตและวิชาชีพของศิลปินและนักวิชาการผู้เป็นที่นับถือ - มานิต ศรีวานิชภูมิ ฮึ่ม! รับไม่ได้ กล่าวหาลอยๆ ว่าต่อต้านประชาธิปไตย-ยุให้สุธีฟ้องกลับ หรือทำให้คนที่กล่าวหามาขอโทษ – สุธีแถลงศิลปินควรมีอิสระ-ไม่ถูกบังคับ ส่วนจะติดจดหมายทักท้วงคู่ผลงานก็ไม่มีปัญหา

26 พ.ค. 2559 กรณีที่ สุธี คุณาวิชยานนท์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับเชิญผลงานศิลปะชุด  The truth To turn it over ร่วมกับศิลปินอีก 5 ประเทศ ที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) อย่างไรก็ตาม มีผลงานส่วนหนึ่งของสุธีในชุด "มวลมหาประชาชน/Thai Uprising"เป็นงานในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ทำให้ “กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” หรือ กวป. ทำจดหมายเปิดผนึกทักท้วงไปยังภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ โดยระบุว่าผลงานดังกล่าวของสุธีมีข้อเท็จจริงตรงข้ามกับจิตวิญาณการต่อสู้ของชาวกวางจู อีกทั้งยังมีสมาชิก กวป. แถลงว่า เป็นงานศิลปะของศิลปินที่สนับสนุน กปปส. และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการล้มกระบวนการประชาธิปไตย

ผู้ร่วมแถลงข่าวสนับสนุนและให้กำลังใจสุธี คุณาวิชานนท์ (จากซ้ายไปขวา) จรูญ อังศวานนท์ ศิลปินแห่งชาติ, อภิศักดิ์ สนจด ผู้ดำเนินรายการ, ไพโรจน์ ธีระประภา หรือ โรจน์ สยามรวย ศิลปินนักออกแบบ ผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร,  มานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปิน และ สุธี คุณาวิชานนท์

ผู้ร่วมแถลงข่าวสนับสนุนและให้กำลังใจสุธี คุณาวิชานนท์ (จากซ้ายไปขวา) จุมพล อภิสุข จรูญ อังศวานนท์ ศิลปินแห่งชาติ, อภิศักดิ์ สนจด ผู้ดำเนินรายการ, ไพโรจน์ ธีระประภา หรือ โรจน์ สยามรวย ศิลปินนักออกแบบ ผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร,  มานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปิน และ สุธี คุณาวิชานนท์

ล่าสุดวันนี้ (26 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่โรงแรม Somerset ทองหล่อ คณะศิลปินในนาม “กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม"นำโดยสุธี คุณาวิชยานนท์, จรูญ อังศวานนท์ จุมพล อภิสุข, มานิต ศรีวานิชภูมิ, ไพโรจย์ ศรีประภา อภิศักดิ์ สนจด ฯลฯ จัดแถลงข่าวในเรื่อง "บทบาทและจุดยืนของศิลปินที่มีจิตสำนึกสาธารณะ” ต่อกรณีที่ที่ กวป. ทำจดหมายประท้วงการแสดงผลงานของสุธีดังกล่าว

โดย "กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม"ได้เผยแพร่จดหมายถึงสื่อมวลชนในประเทศไทย และส่งจดหมายเปิดผนึกถึง จอง-ยัง ลิม ลงฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 และมีผู้ร่วมลงนามข้างท้ายเป็นจำนวน 512 คน โดยมีเนื้อหาว่า สุธีและเพื่อศิลปินภายใต้กลุ่ม Art Lane ได้ทำกิจกรรมระดมทุนและให้เงินสนับสนุนกลุ่ม กปปส. เพราะทุกคนมีแนวคิดและเป้าหมายที่ตรงกัน นั่นคือการคัดค้านกฏหมายนิรโทษกรรม และการคอรัปชั่นของรัฐบาลในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว การร่วมชุมนุมของสุธีและกลุ่มไม่ได้มีเจตนาที่จะปูทาง หรือสนับสนุนให้มีการรัฐประหารแต่อย่างใด ผลงานชุดดังกล่าวของสุธีนั้นได้แสดงถึงเสรีภาพในการทำงานของศิลปินตามแนวทางของประชาธิปไตย ซึ่งมีความสอดคล้องกับนิทรรศการที่จัดขึ้น ศิลปินทุกคนควรมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น อีกทั้งยังกล่าวว่า ลิม จองยัง ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่สมควรทำตามกระแสกดดันจาก กวป. และเครือข่าย โดยเนื้อหาของแถลงการณ์สามารถอ่านได้ที่ท้ายข่าว

 

 

ส่วนหนึ่งของผลงานที่สุธี คุณาวิชยานนท์ จัดแสดงในนิทรรศการศิลปะ The truth To turn it over ที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่าง 10 พฤษภาคม - 15 สิงหาคม 2559 (ที่มา: เอื้อเฟื้อภาพโดย "กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม")

 

จรูญ อังศวานนท์ ไม่เชื่อบ้านเมืองอยู่ใต้เผด็จการ - คสชยุติความเสียหายก่อนจลาจลกลางเมือง

ในช่วงแถลงข่าว จรูญ อังศวานนท์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวว่า หากกล่าวว่าผลงานชิ้นดังกล่าวสนับสนุนเผด็จการ แล้วเผด็จการอยู่ที่ไหน ตนไม่เชื่อว่าตอนนี้บ้านเมืองอยู่ภายใต้เผด็จการ จรูญ กล่าวด้วยว่า คสช. เข้ามายุติความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จลาจลกลางเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้กล่าวได้ว่า ผลงานของสุธีกำลังถูกครอบงำจากการเป็นตัวเอง จากกลุ่มเผด็จการเลือกตั้ง ตนยืนยันว่าสุธีไม่ได้สนับสนุนเผด็จการ

 

มานิต ศรีวานิชภูมิ รับไม่ได้กล่าวหาลอยๆ ว่าต่อต้านประชาธิปไตย แนะนำสุธีให้ฟ้อง

มานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปิน กล่าวว่า เขารับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าวที่มากล่าวหากันลอยๆ ว่าใครต่อต้านประชาธิปไตย ตนพยายามบอกสุธีว่าให้ฟ้อง หรือทำอย่างไรเพื่อให้กลุ่มคนที่มากล่าวหาออกมาขอโทษ โดยเฉพาะขอโทษออกสื่อ เพื่อที่จะได้รู้ว่าไม่สามารถออกมากล่าวหาใครได้ง่ายๆ

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า หลายคนพยายามทำให้เกิดการเซ็นเซอร์ขึ้น มีการพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง และชูประเด็นบางอย่างขึ้นมาทดแทน เขากำลังช่วงชิงประวัติศาสตร์จากมวลมหาประชาชน ต้องแยกให้ออกว่าคนที่ออกมาประท้วงนั้นไม่ใช่คนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร

มานิตกล่าวทิ้งท้ายว่า ความคิดเห็นของเขาคือ หากไม่เห็นด้วยกับ กปปส. อย่างไรก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ไป

 

ไพโรจน์ ธีระประภา บอกอีกฝ่ายเลือกพูดบางส่วน ย้ำมีสิทธิแสดงความเห้น แต่ไม่มีสิทธิพิพากษา

ไพโรจน์ ธีระประภา ศิลปินนักออกแบบ รางวัลศิลปาธร กล่าวว่า ปัญหาหลักในตอนนี้นั้นคือความไม่เป็นธรรม การที่คนบางกลุ่มออกมาเลือกพูดบางส่วน หรือพูดความจริงแค่ครึ่งเดียวนั้น มันเป็นแค่การโฆษณา ไม่ใช่การเผยแพร่ความจริง ตนยืนยันว่าศิลปินมีสิทธิที่จะแสดงออก เหมือนกับกลุ่มอื่นๆ ก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ไม่มีสิทธิที่จะมาพิพากษาผลงานของคนอื่น

 

จุมพล อภิสุข ชี้ประชาธิปไตยของทุกคนไม่เหมือนกัน ศิลปะทุกกลุ่มควรหันหน้าพูดคุยกัน

จุมพล อภิสุข ศิลปิน กล่าวว่า ประเด็นนี้ค่อนข้างเปราะบาง ประชาธิปไตยของทุกคนไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตยที่เหมือนกันทั้งหมด การวิจารณ์งานศิลปะนั้นเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่จะวิจารณ์เพื่อเหตุผลใดเท่านั้น สุดท้ายแล้วศิลปินทุกกลุ่มก็ควรหันหน้าเข้ามาคุยกัน เพราะประชาธิปไตยที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายนั้นมันไม่ใช่ประชาธิปไตย

 

สุธียืนยันไม่สนับสนุนรัฐประหาร ตัวเขาเชื่อเรื่องเสรีภาพการทำงาน ไม่ขัดข้องหากจะติดจดหมาย กวป. คู่ผลงาน

สุธี คุณาวิชยานนท์ ระหว่างงานแถลงข่าว

ด้าน สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินเจ้าของผลงาน กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้สนับสนุนการรัฐประหาร ผลงานของตนในชิ้นอื่นๆ ก็เคยได้รับรางวัลจากกลุ่มที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในขณะนี้ เขาเองมีความเชื่อในเรื่องของเสรีภาพในการทำงาน ศิลปินไม่ควรถูกบังคับและมีอิสระ ในการทำงาน การที่ตนเข้าร่วมกับกลุ่มศิลปิน Art Lane เพื่อสนับสนุนกลุ่ม กปปส. นั้น ตัวเขาก็ทำเพื่อต้องการช่วยเหลือและแสดงความคิดเห็นเพียงเท่านั้น

ในส่วนของผลงานที่หอศิลปะเมืองกวางจูนั้นหากจะมีการติดตั้งส่วนข้อทักท้วงจาก กวป. คู่กับผลงานของเขาก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่หากจะมีการถอนงานที่กำลังจัดแสดงอยู่นั้นตัวเขาไม่ยินยอม เนื่องจากการถอดงานดังกล่าวนั้นต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ทั้งทางพิพิธภัณฑ์เองและเจ้าของผลงาน การออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ตนเพียงต้องการให้เกิดบรรยากาศที่ดีมากขึ้นทั้งที่ประเทศไทยและที่กวางจูเอง เนื่องจากทางหอศิลปะเมืองกวางจูก็มีความกังวลอย่างมาก การแถลงข่าวครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อให้เข้าใจในข้อเท็จจริงเดียวกัน สุธีกล่าว

สุธียังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า เขาไม่ได้รังเกียจที่จะถูกเรียกว่าเป็นศิลปิน กปปส. เพียงแต่ต้องถามว่าจะชี้วัดกันอย่างไรว่าใครเป็น กปปส. ในเมื่อบางคนก็มาเพราะมีจุดร่วมบางอย่าง ถึงแม้จะไม่ได้คิดเหมือนกันไปทั้งหมด ทั้งนี้งานแถลงข่าวของ “กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม"สิ้นสุดในเวลาประมาณ 12.30 น.

000

อนึ่งก่อนหน้านี้ “กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” หรือ กวป. เขียนจดหมายเปิดผนึกและแนบรายชื่อถึงลิม จองยัง ภัณฑารักษ์ของหอศิลปะเมืองกวางจู 2 ฉบับ โดยทั้ง 2 ฉบับ ไม่มีข้อเรียกร้องให้ถอดงานของสุธีออกจากการแสดง โดยในจดหมาย กวป. ฉบับที่ 1 เป็นการระบุข้อเรียกร้องว่าเป็นการสอบถามภัณฑารักษ์และคณะกรรมการของหอศิลปะเมืองกวางจู "ถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการ"และย้ำว่า "เชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู"(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ส่วนจดหมายเปิดผนึกของ กวป. ฉบับที่ 2 เรียกร้องให้พิมพ์จดหมายเปิดผนึกของ กวป. ติดตั้งคู่กับผลงานแสดงของสุธีที่หอศิลปะเมืองกวางจู เรียกร้องต่อภัณฑารักษ์และกรรมการบริหารของหอศิลปะเมืองกวางจูกล่าวขอโทษต่อความไม่เข้าใจในเรื่องวิกฤตการณ์ทางการเมืองไทยจนนำผลงานของสุธีมาจัดแสดง และเรียกร้องให้จัดพิมพ์จดหมายเปิดผนึก จดหมายโต้ตอบ ทั้งฝ่าย กวป. สุธี และผู้สนับสนุน ตลอดจนจดหมายของภัณฑารักษ์ โดยให้หอศิลปะเมืองกวางจูรวบรวมไว้ในหอจดหมายเหตุ 518 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้คนรุ่นหลังเป็นผู้ตัดสินการกระทำของทุกฝ่าย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

อนึ่งเมื่อวันที่ 18 พ.ค. สุธี ได้เขียนจดหมายชี้แจงไปถึงลิม จองยัง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าวชี้แจงว่าเขาและคนไทยหลายล้านคนใช้สิทธิทางประชาธิปไตยด้วยการประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านการใช้อำนาจบิดเบือนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทำให้เกิดรัฐประหารขึ้น กิจกรรมและความเชื่อของเขามีความเที่ยงตรง เทียบเท่ากับความทะเยอทะยานของผู้คนที่เข้าร่วมในการลุกฮือจลาจลกวางจู เมื่อปี 1980 ย้ำคนใส่ร้ายเป็นพวกยิ่งลักษณ์ เป็นกลุ่มคนที่ต้องรับผิดชอบต่อการเกิดรัฐทหารปัจจุบัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) กลุ่มศิลปิน Guerrilla Boys และโพสต์ภาพ คนสวมหน้ากากกอริลลายืนอยู่เบื้องหน้าผลงาน "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"ผลงานศิลปะของสุธี คุณาวิชยานนท์ ที่จัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"ที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยคนสวมหน้ากากกอริลลายังถือกระดาษเขียนข้อความว่า "ผลงานนี้ยังคงรอ 'รัฐบาลทหาร'เนรมิตประชาธิปไตยให้พวกเขา"และลงชื่อ Guerrilllaboys ท้ายข้อความ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

000

เรียน สื่อมวลชนและประชาชนชาวไทยทุกท่าน

เรื่อง บทบาทและจุดยืนของศิลปินที่มีจิตสำนึกสาธารณะ

สืบเนื่องจากกรณีที่มีกลุ่มบุคคลในนาม “นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (กวป.) ทำจดหมายเปิดผนึกพร้อมแนบรายนามท้าย 118 คน (ต่อมาเพิ่มเป็นราว 200 คน) ถึง นายจอง-ยัง ลิม (Jong-Young Lim) ภัณฑารักษ์ผู้คัดสรรผลงานสำหรับนิทรรศการ The Truth To Turn It Over ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสรำลึก 36 ปี ของการเคลื่อนไหวทางประชาธิปไตย 18 พฤษภาคม 1980 ของชาวกวางจู ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเนื้อหาในลักษณะคัดค้านการคัดเลือกผลงานชื่อ “Thai Uprising” ของรองศาตราจารย์ สุธี คุณาวิชยานนท์ โดยให้เหตุผลว่าผลงานชุดดังกล่าวที่รองศาสตราจารย์สุธีสร้างขึ้นระหว่างปี 2556 ถึง 2557 เพื่อประท้วงรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการสร้างผลงานขึ้นมาในระหว่างจัดกิจกรรมกับกลุ่ม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ กปปส. ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประท้วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและยังเรียกร้องให้ทหารทำรัฐประหาร

กวป. ได้กล่าวหาว่า “สุธีเข้าร่วมกับ กปปส. ซึ่งนำมาสู่วิกฤตทางการเมืองและรัฐประหาร”, “นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู” และมีสมาชิก กวป. ให้สัมภาษณ์ย้ำอีกว่า “งานศิลปะของศิลปินที่สนับสนุน กปปส. กลายเป็นส่วนหนึ่งของการล้มกระบวนการประชาธิปไตย...” กวป. ได้กดดันให้นายจอง-ยัง ลิม กล่าวขอโทษอีกด้วย นอกจากนี้สมาชิกบางคนของ กวป. และเครือข่ายในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คยังนำประเด็นดังกล่าวไปกล่าวหาต่อไปว่า รศ.สุธี และเพื่อนศิลปินที่ทำงานเคลื่อนไหวในขณะนั้นเป็น “ศิลปินต่อต้านประชาธิปไตย”

พวกเราในนามของ "กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม” หรือผู้ที่ลงนามข้างท้ายจดหมายเปิดผนึกถึงนายจอง-ยัง ลิม ฉบับลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 จำนวน 512 คน ขอแสดงจุดยืนในกรณีดังกล่าวดังนี้

1. ในระหว่างการชุมนุมปี 2556-2557 รศ.สุธีและเพื่อนศิลปินร่วมชุมนุมและทำงานศิลปะในการทำกิจกรรมและการระดมทุนของกลุ่ม Art Lane ในขณะที่ กปปส. เป็นแกนนำในการชุมนุม และให้เงินสนับสนุน กปปส. บางส่วนก็เพราะทุกคนมีแนวความคิดและเป้าหมายที่ตรงกันนั่นคือ คัดค้านกฏหมายนิรโทษกรรมที่ฉ้อฉล, คัดค้านการคอรัปชั่นของรัฐบาลในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โครงการรับจำนำข้าว” และเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาสู่ความเป็นประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

2. การร่วมชุมนุมและการทำงานศิลปะของ รศ.สุธีและเพื่อนศิลปินร่วมชุมนุมในขณะนั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะ "ปูทาง” หรือเรียกร้อง หรือสนับสนุนให้ทหารทำรัฐประหาร หรือสนับสนุนเผด็จการแต่อย่างใด

3. ผลงานชุด "Thai Uprising” ของ รศ.สุธี ได้แสดงถึงสิทธิ, เสรีภาพและหน้าที่ของศิลปินตามแนวทางประชาธิปไตย มีความเหมาะสมกับนิทรรศการ The Truth To Turn It Over ที่จัดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวกวางจูเป็นอย่างยิ่ง นายจอง-ยัง ลิม ได้ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม ไม่สมควรทำตามกระแสกดดันจาก กวป. และเครือข่าย

4. ศิลปินและนักทำงานด้านวัฒนธรรมทุกคน มี "สิทธิและเสรีภาพ” ส่วนบุคคลในการแสดงออกทางความคิดเห็นและการแสดงออกทางศิลปะเช่นเดียวกับประชาชนไทยทุกคน แต่สิ่งที่ใหญ่ไปกว่านั้นคือ "บทบาทและหน้าที่” ที่สำคัญยิ่ง ศิลปินฯ ต้องมีจิตสำนึกสาธารณะ รู้จักแบ่งปันเวลาของตนทำงานอุทิศให้สังคมโดยรวม ต้องมีสำนึกชอบในการที่จะช่วยปกป้องรักษาบ้านเมืองให้น่าอยู่สำหรับคนทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะเป็นประเด้นของการต่อต้านคอรัปชั่น, การส่งเสริมประชาธิปไตย, การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม

ด้วยความจริงใจ

“กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม”

(512 ชื่อแนบท้าย)

 

จดหมายเปิดผนึกถึงคุณ จอง-ยัง ลิม
“ความจริง-อย่ากลับหัว”

เราผู้ร่วมลงนามข้างท้ายนี้ ขอแสดงความห่วงใยอย่างสูงต่อการทำลายความน่าเชื่อถือทางวิชาชีพ เพื่อสังหารภาพลักษณ์ของ รองศาสตราจารย์สุธี คุณาวิชยานนท์ โดยกลุ่มบุคคลที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อนที่เรียกตนเองว่า “นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (กวป.)

การหมิ่นประมาทสร้างภาพกล่าวหารองศาสตราจารย์สุธี หลายครั้งอย่างจงใจว่าท่านเป็น “ศิลปินต่อต้านประชาธิปไตย” ไม่เพียงแต่ไร้ข้อเท็จจริงและเป็นพิษภัย แต่ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงและอาชีพการงานของรองศาสตราจารย์สุธี เราหวังว่าท่านจะไม่ถูกชักนำให้หลงประเด็นโดยความพยายามครั้งนี้ที่จะอ้าง “ความถูกต้องทางการเมือง” (“Political Correctness”) มาใช้เป็นเครื่องมือเซ็นเซอร์การแสดงออกของศิลปิน ทำลายชีวิตและวิชาชีพของศิลปินและนักวิชาการผู้เป็นที่นับถือ ซื่อตรงและกล้าหาญ ผู้มีเกียรติประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอันเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสาธารณชนมายาวนาน

ด้วยความจริงใจ

 

Achara Jansanjai,Business Owner

Achita Pramoj Na Ayudhya,Artist

Adool Booncham,Artist,Lecturer

Aim-ora Bunnag,Top Management member,Intage Thailand-Market Research

Akalaphon Adam, Skull Artist

Alongkorn Lauwatthana,Artist

Alongkorn Sumalee,Automotive Engineer,Photographer

Alongkorn Thaubol, Business Owner

Alongkot Pechtsrisook, Artist

Amrit Chusuwan, Artist

Anag Pongpanon,Graphic Designers

Anan Nuchawong, Art Director

Ananya Sinwachara, Employee

Anchalee Paireerak,Reporter

Anchana Nangkala,Artist,Art Lecturer

Anilin Buranarisi, Self Employed

Anita Vachiramano, Self-employed

Anocha Thongpradoo, Employee

Anotai Ngamsrirat

Anucha Kaewvichain, Creative Director, Jump Communications

Anucha Prangprasert,Artist

Anuchai Secharunputong,Artist,Professional Photographer

Anurot Chanphosri,Freelance Artist

Anurux Jansanjai,Film Director

Anusara Chokvanithpong, Legal Director

Anusart Tubtun,Graphic Designer

Apawee Phuekchaidee,Banker,SCB Bank

Apichaya Jansinjai,Student at Cenral Saint Martins

Apiradee Chutatat,Veterinarian

Apisek Wongwasu,Bussiness Owner

Apishaya Tepnimit

Apiwut Thirachtikul,Artist,Graphic Designer,Fashion Designer

Aranya Siyanont, Director, Actor

Araya Pawangkanan,Interior Designer

Areepa Phuekchaidee,VP of UOB

Arkom Kongnaphakdee,At Director of VIF Sculpture co.,Ltd

Arkom Sombuttham, Artist

Arnond Sakwarawich, Ph.D., Head of Business Analytics and Intelligence Program, Graduate School of Applied Statistics, NIDA

Arpakorn Boonyakornburi, Artist

Artit Nantapornpipat,Freelance Artist

Arunee Chuboonraj, Assistant Editor Ploykaempetch Magazine

Arunee Hunsacharoonroj,Lecturer,Chulalongkorn University

Arunothai Jankamkum,Art Director

Ass.Prof.Arwin Intrungsri,Lecturer

Ass.Prof.Kittichai Kantang,Art Instuctor,Rajamangala Lanna University

Ass.Prof.Nawin Biadklang, Artist,Head of Painting Department,Silpakorn University

Assada Sreshthaputra,Director of Photography

Associate Professor Dr.Supavee Sirinkraporn,Instructor,Faculty of Decorative Arts,Silpakorn University

Associate Professor Sitthiporn Piromruen,Instructor,Faculty of Architecture,Silpakorn University

Associate,Dr.Khiensak Seangklieng,Architect

Athip Nana,Celebrity,Actor

Atikun Jansanjai,Student at Central Saint Martins

Atinuch Malakul, Dentist, Lecturer Chulalongkorn University

Atipat Kamonpet,Director

Atitaya Kantharak,Interior Designer

Attaporn Theemakorn, Director, Actor

Autchut Arayapongstorn,Executive Director

AVM.Sureeporn Boonjong, MD>Honorary Surveyor, The Healthcare Accreditation Institute(Public Organization) Ethic Committee, Thai Medical Council

Benya Nandakwang, CEO White Kitchen Company Limited

Boonkasem Kowsanti,Artist,Managing Director Krabi Heartel

Boonrot Meesupkwang,Artist,Head of Painting Department

Borirak Supatriworapong,Artist,Art Lecturer

Bulakorn Chantramitr,Freelance Artist

Buraorn Chumcheun, Radio Presenter

BusarinTanpipat,Lecturer

Captain Kaewlumhud,Lecturer in Advertising Design

Chai Rachawat, Editorial Cartoonist, Thairath Daily, Bangkok

Chainarong Wirunphat,Advisor,Art Lecturer

Chaipat Banditwattanawong,Designer

Chairat Bin-Abdunlahman,Artist

Chaiwoot Thaimpan, Artist

Chaiwut Ruemrhedeekul,Artist,Lecturer

Chaiyan Khomkeow,Artist,Lecturer

Chaiyaporn Chinaprayoon, Banker

Chaka Kulphaetya, Executie Secretary

Chalermpol Chomnakorn, Visualizer, Grouphead Advertising

Chalit Nakpawan, Artist

Chalitpan Niyomyam,Business Owner

Chalong Boonchantuk,Production Designer

Chamni Thipmanee,Artist,Professional Photographer

Chanachai Ketsrirat,Artist

Chananya Kuppatanortrta,Artist

Chanikan Sangdee,Teacher

Chanisara Tejasen, Senior HRBP, Gullivers Travel Associate, Thailand & Juoni Global Travel Expert

Chanjira Nimpitakpong,Bussiness Owner

Chanon Bovonmongkolsak, Self-Employed

Chantana Srisawat, Artist, Owner of Shata Studio

Chanya Thongnhu, Freelance Accountant

Charoenkwan Blarharski,Columnist

Charoon Ansavananda,The National Artist

Chatchawarn Chanchotibutr,Professional Photographer

Chatchawin Unhanun,Editor-In-Chief Men's Health(Thailand)

Chawanet Asanasen,Music Producer

Chaweewan Namkote,Staff Company Bookpromotion&service.co.Ltd

Chayakarn Nuamtiab, Service Support Officer, Bank of Ayudhaya Public Company Limited

Chira Vichaisutthikul,Artist,Professional Photographer

Chitsanuphong Phengpan,Editor-in-Chief Moremove

Chittima Srinun,Admin

Chiva Lapintungsutthi,Professional TV Producer,Chiva Classic

Chollasinth Chorsakul, Artist

Chomnad Manopaiboon, Chief, Prevention Section

Choncheun Soonthornrote,Employee

Chookiat Likitpunyarut, Interior Desinger, Lecturer

Chorbun Chuenprayoth,Creator

Chorbun Sirikojakorn, Export Sales & Marketing Supervisor, KC Fresh Company Limited

Chulalaux Piyasombatkul, Eyewear Designer, Owner Brand Moo Eyewears

Chumpol Apisuk,Artist

Chutaphant Pinswasdi, Retired Government Officer, Chulalongkorn University

Dinhin Rakpong-Asoke,Artist

Ditapong Boonsanong,Art Teacher

Doungkwan Viriyakijnateekul,Employee

Dr,Veerachai Tanpipat,Advisor of Hydro and Agro Informatics Institute,Ministry of Science and Technology

Dr.Churdchoo Ariyasriwattana

Dr.Patusiree Rattanakarn,Bussiness Owner

Dr.Samart Jubjon,Artist,Art Lecturer

Dr.Savitri Saengchansri

Duangchan Wongrabeab,Sales

Duangkeo Srichaiwan, Artist

Duangphorn Tangchitnob, Laem Thong Bird's Nest (Siam) Co., Ltd.

Duangrutai Kuakool, Nurse, Songklanagarind Hospital, Prince of Songkla University

Ekarat Chirapongse, Businessman

Em Singhaviboon,Art Teacher

Fontham Buaphuchphong,Artist

Gessanie Skuldist, Weaving Designer & Instructor

Gloyta Nathalang, Employee

Gumsak Atipiboonsin,Artist

Hassakun Chanklom,Bussiness Owner

Hassapong Chomchuenjitsin, Artist

Hassapop Tangmahamek, Writer & Assistant Director of ARDEL Gallery of Modern Art

Hatairat Estrella Montien, Museum Consultant

Imhathai Suwatthanasilp,Artist,Art Instructor , Silpakorn University

Ingsarut Buasa,Sopport Sale

James Alan Hutchison,Reporter,Cameraman

Jamigorn Sangsiri,Artist

Janthip Satiratham, Housewife

Janya Kwangkaew,Employee

Jaratsri Prasondee,Bussiness Owner

Jaru Wongkamchantra,Artist,Gallerist

Jaruwat Boonwaedlorm, Artist

Jaturong Padungsapya, Researcher

Jerawan Teraprechachan, Employee

Jessada Juncharungjit, Artist

Jetnipat Thatphaiboon,Artist

Jidtakorn Busaba, Television News Anchor, Columnist Naewna Newspaper

Jiravara Virayavardhana,Employee

Jiravich Nathalang, Employee

Jiravut Dusadeepun,Artist&Advertising

Jirawit Sombatsiri, Business Owner

Jirayu Cunningham,Housewife

Jirayu Uttaranakorn, Maganer, Communications and Strategies, Clean Energy Research Institute, Canada

Jitsing Somboon, Artist & Designer,Fashion Lecturer

Jo Surat,Professional Photographer

Kabngoen Settajinda, Team Executive, Brand Strategy Team, Bank of Thailand

Kachaphol Vichavesthepa,Architect

Kaewchieranai Chumsaeng Na Ayudhaya, Co-producer TV Program, Helconia H Group Co., Ltd.

Kaewtrakan Junlabon,Artist

Kamalinee Chaiyaphaeka,Nurse

Kamolchanok Poomrawan,Artist

Kamolwan Tapasanan, Director of Suvarnachard Animal Hospital, Mongkolchai Pattana Ltd.

Kanang Mendhaka,Creative,Freelance Artist

Kang Ampawa, Artist

Kanikar Viravan,Housewife

Kanjana Sirich,Lecturer,Kuakarun Faculty of Nursing.NMU

Kanjana Subsirikiate,Sales&Spec

Kanokporn Laopiyasakul,Art Teacher

Kanokwan Ploychad, Casting TVC 

Kanongnaj Yimsiri, Designer and Owner of Khien's Work Shop

Kantapat Viroonkawat,Thai Designer

Kanya Chareonsupakul,Artist,Art Instuctor,Silpakorn University

Kanyanat Pokpong,Teacher

Kasemsun Bhantumkomol

Keskarn Arirarat,Designer

Kiatanan Iamchan,Artist

Kidasada Bonnsire, Self-Employed

Kingtien Charoenyang, Producer,  Remind Co., Ltd.

Kitthanon Laosriwijit, Pure Precious Stones and Diamond Jewellry

Kitti Parimayatarchai,Artist

Kittichai Teeratwitcha,Freelance Artist

Kittinan Rakana,Film Director

Kittisak Cholprasertsuk,Artist

Kongsak Gulglangdon, Artist,Art Instructor , Silpakorn University

Korakoth Kunalungkarn, Interior Designer

Kosak Chotiyanonda, Managing Director, Sucharitkul Accounting and Legal Consultant Office

Kowit Anak-ananun, Artist

Kraisorn Prasert, Art Instructor

Krisana Chokchaowat,Freelance Art Director Magazine

Krissanapong Kiattisak, News Anchor Bluesky Chanel

Krissanapong Manotham,Employee

Kruawan Chownwai,Housewife

Kusuma Raksamani, Professor Emeritus, Silpakorn University

Ladda Lucas,Housewife

Lalinthorn Pencharoen,Artist,Lecturer,Silpakorn University

Lalit Lertmaithai,Creative

Lapon Kesornmala,Architect

Latchana Kongdee,Public Relations Manager

Luckkana Thaweesuk, Managing Director Media

Lugpliw Junpudsa,Art Lecturer, Sculpture Department,Silpakorn University

Mana Kwangsue,Artist

Manit Sriwanichpoom, Artist

Marisa Chadyapa,Production Designer

Mathurin Possawongse, Employee of Hua Seng Heng

Mattaya Suyasunanon,HR Consultant

Meenamett  Sirisuk,Artist

Miranti Borvornsin,Food Blogger,Food Influencer

Montika Boriboon, Researcher

Munchusa Watanaporn,Writer,Former Advisor Editor BaanLaeSuan Magazine

Napaporn Thongma,Nurse

Narisa Photidej,Housewife

Narodom Kamenketwit,Artist

Naruemon Sae Tae,Self Employed

Narumon Mitsang,Sales Manager Printing.Ltd

Natchaleeya Sutthiprasit,Designer

Natnicha Nattanakorn,Art Teacher

Nattalert Supatakanit,Sculptor

Nattamon Selakun,Bussiness Owner

Nattawut Yongpruksa, Ph.D., Scientist

Natthakan Taerajit,Freelance Artist

Natthapong Chanyoo, Faculty Member, Faculty of Liberal Arts, Mahidol University

Nirachorn Kuchonthara,BCOP,BCNSP,Thai BCP,Clinical Pharmacist and Educator,Bumrungrad International Hospital

Niran Krairiksh,Ex-Lecturer,Faculty of Decorative Arts,Silpakorn University

Niroj Jarungjitvittawat,Artist,Art Lecturer,Poh-Chang Academy of Art

Nisarat Sitasuwan, Writer

Nitawat Changchai, Director

Nitikorn Kraivixien,Artist,Professional Photographer

Nitipat Bhandhumachinda, Aquarium Fish exporter

Niwat Kongpien, Writer

Nongnuch Laicharoenwat,Housewife

Nonzee Nimitbutr,Thai Film Director

Nopadon Chotasiri, Artist

Noppadole Pollasilp,Freelance Writer,Movie&Music Critic 

Nopparat Chantramitr,Freelance Artist

Noppera Bosri,Visualizer,Artist

Nopporn Charatsri, Landscape Architect

Norasate Mudkong, D.J.

Numthong Thongyai Na Ayudhaya, Film Director, Phenomena

Nutchanat Invert,Graphic Designer

Nuttakarn Therajit, Artist

Nuttana Chaipatkorn, Interior Designer and Owner of Interior Wizard co, Ltd.

Nuttaporn Muchjimworng,Banker

Ochana Poonthongdeewatthana,Lecturer,Silpakorn University

Ongart Cheamcharoenpornkul,Artist

Ong-art Sukramani

Opas Chotiphantawanon,Artist

Oranee Na Nagara, General Manager Studio de Nagara Ltd.

Orawan Khaengpenkhae,Bussiness Owner

Pairoj Teeraprapa, Silpathorn Aritst 2014 (Graphic Design)

Pairoj Wangbon, Artist

Paitoon Chongthong, Artist

Pakakul Snidvongs, Lecturer

Pakkaporn Maison,Coordinator

Pakkavee Kongthong, Medical Technologist, Hatyai Hospital

Pakorn Klomklieng,Freelance Curator

Pakornpat Chatakaisorn,Artist,Lecturer

Palida Wichaisutthigul, Housewife

Palut Marod, Artist

Pananual Lertmaithai

Pancha Soonthornrote,Business Owner

Panchit Phruksangkul,Bussiness Owner

Panich Phupratana, Artist

Panicha Pongpat,MD

Pannaphan Yodmanee,Artist

Pansa Sunavee,Artist,Photographer

Pantila Pattamavanitch, Administraive Chief, CAT Telecom

Panumas Tasila,Art Director

Parada Kantapattanakul, Self-employed

Parames Rachjaibun, Chairman and CEO, Turnaround Focus Co., Ltd.

Paranee Jethsomma,  Managing Director Sunshine Etcetera Co., Ltd.

Parichat Pilaipongse, Translator

Parit Wongphaet,M.D.

Parkob Suntavakil,Employee

Pasit Kanasirichainon, Self- Employed

Passorn Nanthawaree,Senior Museum Creative and Copy Writer

Patamavalai Ratanapoom, Life Coach

Patariya Ngammuk, Ph. D. Assistant Dean, Bangkok University International College

Patiwat Tui-on,Architect

Patrawan Palakawongs Na Ayudhya

Pattanun Iamsa-ard,Freelance Artist

Pawanrat Naksuriya,Director-Actor

Paweena Uanomjitkul,Lecturer,Silpakorn University

Peerapong Daungkeow,Artist

Peeraya Kosumditsaphon,Sales Presentative

Pensiri Sawaitviharee, Housewife

Permsak Siwayabrahm,Architect

Phacharin Sommai,Business Owner

Phansa Buddharaksa, Artist

Pha-oon Chantarasiri,Director-Actor

Phasook Thepmani,Retired

Phatchravut Patsoongnern,Carpenter

Phatwut Chorphaka,Physical Therapist

Piangkhwuan Kumrune,Business Owner,Artist

Pichet Kitcharoenka,Studio Manager

Pichet Meevongpan,Architect

Pijak Hinjiranan,Architect

Pim Yingwong, Manager at Pim Group Ltd.

Pimonmas Rattchada, Air Purser, Thai Airways International PCL.

Pimpaween Sunthontammarat,Executive Curator,Gallery Director,Art Blogger,Art Columnist  

Pinya Jaimeetam,Artist

Pitchaphong Prasong,Freelance Artist

Piyathida Kasemsri, Graphic Designer

Plub Boonsuan,Artist,Curator

Pongpaiboon Siddhigu, Film Director, The Film Factory Ltd.

Pongphawan Asitirat,Artist

Pongpipat Vigrantanoros, Creative Director

Pongprom Snitwong na Ayuthaya, Artist, Musician, Composer, Humming House Ltd., Lecturer Silpakorn University

Pongsiri Kiddee,Artist,Lecturer

Ponkamol Akkararungsakul Philipsen,Managing Director Oriental Spirit Denmark

Ponpen Lertchaipattanakul, Thail-Chinese Translator

Pornnarin Sribuoroe,Production Designer

Pornpraseart Yamazaki,Artist

Pornsawan Nonthapha, Artist

Prachaya Ladachati, Artist

Praipot Chunlawong,Freelance Artist

Prakairung Puengpanwuth,Grapic Designer

Pranot Keawbucha,Master of Music Program Faculty of Humanities and Social Scienes Kanchanaburi Rajabhat University

Praphan Sakdasak,Architect

Praptpadol Suwanbang,Actor,Artist

Prasert Punsomrong,Artist

Prasert Treepundhupitak,Freelance Artist

Prasit Wichaya, Artist

Pratai Sangrakaite,Business Owner

Pravina Ratyantarakor, Managing Director, White Kitchen Company Limited

Prayuth Chumphol,Employee

Pree Jindarjoana, Ceramic Designer at Nerb Shop

Preecha Tayeb,Architect

Preeyanit Thanakornkittiyothin, Accounting Manager, Thai Satori Co., Ltd.

Premjai Vungsiriphisal, Senior Researcher

Pridtee Suttabusaya,Thailand PGA Golf Coach

Prof. Thavorn Ko-udomvit, Vice President for Art and Culture, Silpakorn University, Director of ARDEL Gallery of Modern Art

Prof.Dr.Santi Leksukhum,Art History Specialist,Art History Lecturer,Faculty of Archeology,Silpakorn University

Punnapa Onsarn,Bussiness Owner

Punyawee Chomchuenjitsin, Artist

Rajit Saeng xuto, Film Director

Rapeepun Sudharomna, New Business & Strategic Planning Director

Ratana Chavananand,Bussiness Owner

Ratana Thienlikit, Engineer

Ratchada Kattiya,Bussiness Owner

Ratnakorn Kiatpayathai,Boxer

Rattana Salee, Artist

Rattapoom Piwpantamit

Raveewat Panchuy,Art Instructor

Rawewan Prakobpol,Business Owner

Reed Boonnao, Freelance

Reungrit Sawasdee,Lawer

Reungsak Pudghavaro,Artist,Art Lecturer

Rit Prompichan, Farmer

Ronnachai Kitisaksin,Artist

Ruenrit Sawasdee,Lawyer

Rutthapat Traipipopphakee,Bussiness Owner

Saipin Thurahan, Business Owner

Sakchai Uthitho, Artist

Sakwut Wisesmanee, Artist

Salinee Hanvareevongsilp, Writer

Samran Mompagul, Lecturer, Chiang Mai University

Santi Thongsuk,Artist

Santisuk Laungsanam,Artist,Lecturer

Sapisara Khemthong, Art Theorist

Saraawud Siritham,Student

Sarand Chaiyasutra,Artist

Sarasatre Romyanon,Producer

Sarayut Phoungsujarit,Online Marketing

Sarunpong Mongkolsilpa,Sales Executive

Sasithorn Hanpanich, Entrepreneur

Sasiwimol Sujit, Artist

Satthacharkon Racha-apai, Assistant Training Manager, Manulife Life Assurance PCL.

Shinnawat Saengungsumalee, Studentof Faculty of Pharmacy Rangsit University

Siam Wichaipruek,Architect

Sikha Thitaradis,Model,Artist

Sinjai Plengpanich, Actor

Sippapas Thienmee,Designer

Sirianong Namwongprom, MD.PhD Associate Professor, Department of Radiology, Faculty of Medicine, Chiangmai University

Sirichai Rianjareon, Furniture Designer

Sirikan Punnachet,Housewife

Sirikul Tangkavarut, Bank Employees, Krung Thai Bank Public Company Ltd.

Sithichoke Nuamcharoen, Artist

Sithikorn Thepsuwan, Artist and Lecturer

Sithiporn Ritthinumporn,Architect

Siti Bunyapana, Restaurant Owner and Chef

Sittikorn Tapsuwan,Art Lecturer,Songklanakarin University,Pattani

Sivilai Somsong, Radio Presenter

Somboon Piriyapakdeekul, Dop/Big Eye Co., Ltd.

Somchai Napatsuthon,Graphic Designer

Somkiat Wijitpalakat,,Artist,Lecturer

Somphob Sanggerd, Freelance Film Director

Sompop Budtarat,Artist

Somsak Kitmungsa, Medical Doctor

Somsak Sansukjareonpol, Artist

Songchai Buachum, Artist

Songpot Saisueb,Architect

Songvut Kositarut, Lecturer-Prince of Songkla University International Collete, Adobe Certified Instructor

Songyote Waeohongsa,Former Lecturer

Sorarat Jirabovornwisut, Self-employed

Soraya Weesakul, Printing Director, PEA

Sresuda Wongwiseskul,Lecturer,Faculty of Nursing,Suandusit University

Sriwan Janehattakan,Artist,Art instructor

Sruiurai Prijasilpa Scarratt, Retired

Suchera Nimitraporn, House Wife

Suddhiman Pokachaiyapat, Housewife

Sudlah Prichanon, Physician

Sunakorn Niyomyam,Business Owner

Sunan Singthong, Dentist

Sunpat Charoensiraroj, Account Managemnet Delphys Hakuhodo

Supakit Ngarmpakbund, Manager Assistant Nissan Transport Co.

Supalagsana Sontichai, Reitired Government Officer, Customs Department and Author-Translator

Supaporn Chaidee,Villa Host

Supaporn Pattamasophon, Artist

Suparee Boonyoung, Tourist Guide

Supatra Boonpanyarote, Ph.D. Lecturer, Faculty of Humanities, Ramkhamhaeng University

Supawat Watthanapikowit, Artist,Lecturer

Supharsit Vongromngen,Artist

Suppathida Thammahol, Artist

Surachai Chomchuenjit, Lecturer

Surachet Thongme, Director of Photography

Suradecht Wathanapraditchai, Artist

Suraporn Lertwongpaitoon,Artist

Suriya Chayacharoen,Lectuer,Artist

Surussavadi Chuarchart, Film Director

Suthipong Worakeowmueng,Artist

Suttada Achirakumpu,Magazine Projects

Suwanna Somsawasdi,Employee

Suwatchai Changsang,Artist

Suwit Maprajuab,Artist

Tana Phothong,Artist

Tanadol Derujicharoen, Artist

Tanakorn Sararak, Artist

Tanit Peanmaneewong, Artist

Tanong Pakkru,Architect

Tanyaluk Pipatkasira,Sales Promotion Manager

Tarinee Kanchanawaong, Managing Director, Fierce Co., Ltd.

Tayawat Trakulthong, Farmer

Techa Tabthong, Activist-Social Worker

Teera Chuvichayanont,Business Owner

Teerapat Pringsulaka

Teerapong Pitaksaringkarn,Art Instuctor,Ratchabhat Leoi University

Teeraporn Pinsuwan,Artist

Teerasak Lertlikitwinai,Artist Lecturer

Tepdanai Wedklang,Architect

Thamrongrat Boonparyol, Photographer

Thanakorn Boonlue, Artist

Thanaporn Thidiseree, Official at Provincial Electricity Authority

Thanasap Tribunyatikul,General Manager

Thanatas Kamsant,Bussiness Owner

Thanatip Jirawanicharoen,Artist

Thanchanok Kaewta, Account Executive Informatix Plus Co., Ltd.

Thanwa Huangsamut,Freelance Artist

Tharathorn Koonchanok,Consultant

Tharrinee Snidvongs, Interior Designer, Lecturer

Thassina Boonsuan,Art School Owner

Thawaratt Samakchantor, Artist

Thayakorn Thongjua,Bussiness Owner

Thep Pilan Phongparnich,Record Producer,Band Manager

Thepprasit Ruttanarueangchot,Artist

Thienprasit Chaiyapatranun, Executive Director of Grand Diamond Suites Hotel

Thippawan Krutbangyang,Art Teacher

Thitima Bundhumasuta,Freelance Photographer

Thitiwat Sripichayasak,Artist

Thongchai Seenuannonsakul,Manufacturing Manager

Thongchai Srisukprasert, Artist,Art Instuctor, Silpakorn University

Thunwa Huangsamoot, Artist

Tiamjai Komkris, Retired Professor

Tipanan Nakata,Sales Manager

Tipawan Oungkiros, Business Owner

Torroong Jarungidanan,Publisher,Instructor

Trissawan Parnpob, Employee

Tul Hirunyalawan, Lecturer, Faculty of Art and Design, Rangsit University

Udom Torrarit,Artist,Graphic Designer

Udom Udomsrianan, Artist, Designer

Ukaew Sanasen, Artist

Uraiwan Pongtanuwat, General Service Officer

Usanee Zenlee,Sales

Uthaiwan Vichachang, House Wife

Ut-sa Waiyasrisaeng, Artist

Vanich Sooksiri, Film Director

Vanut Angsuwan,Artist,Lecturer

Vasan Sittjiket, Artist

Veerawat Khumrim,Artist

Veravit Malikul,Interior Designer

Vilailak Udomsrianan, Creative Director

Viroj Jongpaiboonkij,Interior Designer

Viruch Rugvong,Bussiness Owner

Visanu Paisanfuengfoong,Artist

Vitidnan Rojanapanich,Producer

Vorawut Klongtaew, Sales Executive CVS Design & Advertising Co., Ltd.

Wacharipon Pattanatonya,Design Director,Fashion Buyer

Waigoon Stapanavatr Assistant Dean,Faculty of Medicine,Navamindharadhiraj University

Wanna Nawigamune, Member of the Board of the Faculty of Humanities, Kasetsart University

Wannaphon Chimbanchong,Artist,Gallerist

Wannasan Danraj,Freelance Artist

Wannee Komarakul Na Nagara, Managing Director, Dentsu Thailand

Wanwipa Malikul,Marketing Director

Waraporn Puangthai,Editor

Warongrong Tungkham, Marketing Director, Asiatic Agro Industry, Co., Ltd.

Wasan Danraj, Artist

Wasan Peungprasert,Professional Photographer

Wasant Yod-im,Lecturer,Rangsit University

Wasanti Petchkul,Artist

Wasinburee Supanichvoraparch, Silpathorn Artist (Ceramics)

Watana Kreethong, Artist

Wathin Chatkoon,Faculty of Philosophy and Religious,Srinakharinwirot University

Wattana Kruangpech,Art Student

Wesaratt Sangkawanitt, Copy Writer

Wichai Chavengvorakul,Bussiness Owner

Wichai Yothawong,Art Lecturer,Digital Media Department,SriPratum University

Wilai Jiraittiwanna, Business Owner

Wimol Rattanakittiaporn, Self-employed

Wirawoot Boonnuerng, Artist

Witsanu Paisarnfeungfung,Freelance Artist

Wongsapat Sirikojakorn,Sales Used Car Engine&Parts

Worakorn Thamrongthat, Artist

Woranood Wooti-utadom, Employee

Worasak Wongwichit,Business Owner

Worawit Keawsrinoum, Artist

Yanis Tipakorn, Employee

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

กรณีงานศิลปะสุธี-หอศิลป์กวางจูแสดงความเสียใจไม่ได้ศึกษาการเมืองไทยเพียงพอ

$
0
0

หอศิลป์เมืองกวางจูและภัณฑารักษ์เสียใจที่เกิดข้อขัดแย้งในงานศิลปะ ‘มวลมหาประชาชน’ ของสุธี คุณาวิชยานนท์ และเสียใจที่ไม่มีความสามารถพอที่จะศึกษาการเมืองไทย โดยหอศิลป์จะจัดการบรรยายสาธารณะเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะและการเมืองในประเทศไทย และยินดีเผยแพร่เอกสารของกลุ่มหนุน-ค้านการแสดงงานของสุธี และจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดในหอจดหมายเหตุเพื่อให้สาธารณชนสามารถใช้ศึกษาต่อไป

ส่วนหนึ่งของผลงานที่สุธี คุณาวิชยานนท์ จัดแสดงในนิทรรศการศิลปะ The truth To turn it over ที่หอศิลปะเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่าง 10 พฤษภาคม - 15 สิงหาคม 2559 (ที่มา: เอื้อเฟื้อภาพโดย "กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม")

ศิลปินนิรนามกลุ่ม Guerrilla Boys โพสต์ภาพอยู่เบื้องหน้าผลงาน "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"ผลงานศิลปะของสุธี คุณาวิชยานนท์ เมื่อ 25 พฤษภาคม 2559 โดยศิลปินนิรนามผู้สวมหน้ากากกอริลลายังถือกระดาษเขียนข้อความว่า "This work still waiting 'Junta' create democracy for them!!!"หรือ "ผลงานนี้ยังคงรอ 'รัฐบาลทหาร'เนรมิตประชาธิปไตยให้พวกเขา"และลงชื่อ Guerrilllaboys ท้ายข้อความ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

13 มิ.ย. 2559 กรณีที่ สุธี คุณาวิชยานนท์ อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับเชิญผลงานศิลปะชุด The truth To turn it over ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) นั้น

อย่างไรก็ตาม มีผลงานส่วนหนึ่งของสุธีในชุด "มวลมหาประชาชน/Thai Uprising"เป็นงานในช่วงการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556-2557 ทำให้ “กลุ่มนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” หรือ กวป. ทำจดหมายเปิดผนึกทักท้วงไปยังภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ โดยระบุว่าผลงานดังกล่าวของสุธีมีข้อเท็จจริงตรงข้ามกับจิตวิญาณการต่อสู้ของชาวกวางจู อีกทั้งยังมีสมาชิก กวป. แถลงว่า เป็นงานศิลปะของศิลปินที่สนับสนุน กปปส. และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการล้มกระบวนการประชาธิปไตย

ล่าสุดมีจดหมายเปิดผนึกของ กวป. ถึงผู้ที่เคยร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกชี้แจงความคืบหน้าของการตอบสนองจากภัณฑารักษ์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู มีรายละเอียดดังนี้

000

จดหมายเปิดผนึกถึงผู้ร่วมลงชื่อ กวป.

ในนามของผู้ประสานงานนักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ขอแจ้งความคืบหน้าของการตอบสนองของภัณฑารักษ์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ต่อการทักท้วงและข้อเรียกร้องของ กวป. ดังนี้

ประการแรก ภัณฑารักษ์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูได้สนองต่อข้อเรียกร้องของ กวป. และการเรียกร้องจากกลุ่มต่างๆ ในหลายประการด้วยกัน

1. สำหรับข้อเรียกร้องจาก กวป. ให้ภัณฑารักษ์ชี้แจงกระบวนการคัดเลือกผลงาน ภัณฑารักษ์ได้ชี้แจงว่า “ด้วยเพราะไม่มีความรู้เพียงพอ เมื่อปีที่แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูจึงได้ขอคำปรึกษาจากผู้ดูแลแกลอรี่ในกรุงโซลที่เชี่ยวชาญศิลปินเอเชียนให้แนะนำเกี่ยวกับผลงานของศิลปินที่ทำงานในประเด็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ทางพิพิธภัณฑ์สนใจงาน “ห้องเรียนประวัติศาสตร์” (History Class) ของ รศ. สุธี โดยเฉพาะในแง่ที่เป็นผลงานเชิงความสัมพันธ์ (relational) ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับผลงานได้ด้วย พร้อมทั้งสนใจผลงานของศิลปินคนอื่นๆ ซึ่งทางผู้ดูแลแกลอรี่ดังกล่าวแนะนำมา ทางพิพิธภัณฑ์จึงเชิญ รศ. สุธีไปสัมมนาที่พิพิธภัณฑ์เมื่อปีที่แล้ว และจึงยินดีที่จะเชิญ รศ. สุธี ไปร่วมแสดงงานในนิทรรศการที่แสดงอยู่ขณะนี้ ดังที่เขาได้เคยชี้แจงมาก่อนหน้านี้แล้ว”

(Lacking information of its own, the Gwangju Museum of Art asked a gallerist in Seoul, who is knowledgeable on Asian artists, last year for recommendations of artists who work with historical themes. The museum was interested in Mr. Kunavichayanont’s History Class, in particular how it is relational (how it invites audience participation), among the works by different artists presented to us by the gallerist. We therefore invited Mr. Kunavichayanont to a seminar at our museum last year, and we thus became comfortable inviting Mr. Kunavichayanont to exhibit in our current exhibition, as we have previously explained to you.)

ทางพิพิธภัณฑ์และภัณฑารักษ์ยังได้กล่าวแสดงความเสียใจว่า “ไม่ว่าจะด้วยประการใด พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูและข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจที่ได้เกิดข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการร่วมแสดงงานของ รศ. สุธี นี้ขึ้นมา และเสียใจที่ทางเราไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะศึกษาถึงการเมืองไทยและความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับการเมืองในการจัดแสดงผลงานครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นิทรรศการนี้เป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ “18 พฤษภา” (May 18th)”

(In any event, the Gwangju Museum of Art and I regret that the current controversy has arisen regarding Mr. Kunavichayanont’s participation in our exhibit, and that we were unable to examine Thailand’s political situation and art’s relationship to politics for our current exhibition, particularly given that the exhibition commemorates May 18th.)

ในจดหมายตอบฉบับก่อนหน้า (ซึ่งเขาได้บอกกล่าวกับสื่อมวลชนด้วย) ภัณฑารักษ์ยังอธิบายว่า ในกระบวนการคัดเลือกงาน เขาไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และบริบททางการเมืองของผลงาน รศ. สุธี ชุดนี้ดีพอ หากแต่เลือกผลงานเพียงเพราะมีรูปแบบการแสดงออกที่คล้ายคลึงกับที่ประชาชนกวางจูใช้ในการต่อต้านเผด็จการในเหตุการณ์ “18 พฤษภา” เท่านั้น

2. ภัณฑารักษ์แจ้งว่า พิพิธภัณฑ์ได้ติดตั้งข้อความว่า “ขณะที่มีคนมองว่าการเดินขบวนประท้วงในปี 2556-2557 นั้นเป็นการต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมและการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หากแต่มีอีกฝ่ายมองว่า การประท้วงนั้นเป็นการปูทางไปสู่การรัฐประหารของกองทัพ” (While some view the 2013-2014 Bangkok protests as having been in opposition to the Yingluck administration’s amnesty bill and corruption, others feel the protests paved the way for a military coup.) ในทันทีที่ผลงาน Thai Uprising ถูกตั้งคำถามทักท้วง และตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วพิพิภัณฑ์ยังได้แสดงข้อความอธิบายกระบวนการคัดเลือกผลงานมาจัดแสดง พร้อมทั้งแสดงจดหมายของ กวป. ฉบับแรก แสดงจดหมายอธิบายจุดยืนจาก รศ. สุธี และจดหมายจากผู้สนับสนุน รศ. สุธี ไว้ในงานแสดงผลงาน

3. กวป. ยืนยันในหลักการเสรีภาพของการแสดงออกและเคารพในความคิดเห็นของศิลปิน จึงไม่ได้เรียกร้องให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูต้องถอดผลงานแต่อย่างใด (ตั้งแต่จดหมายฉบับแรกที่ส่งไป) หากแต่ ภัณฑารักษ์แจ้งว่า มีข้อเรียกร้องจากกลุ่มในเกาหลีเองให้ถอดถอนผลงาน Thai Uprising ของ รศ. สุธี ทว่าเนื่องจากตามข้อตกลง การถอดถอนผลงานต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของผลงาน ซึ่ง รศ. สุธี ได้ปฏิเสธการถอดถอนผลงาน ทางภัณฑารักษ์จึงแจ้งว่าไม่สามารถถอดถอนผลงานตามข้อเรียกร้องของกลุ่มในเกาหลีได้

ประการที่สอง ทางพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูและภัณฑารักษ์ได้เชิญ ดร. ธนาวิ โชติประดิษฐและผู้ประสานงาน กวป. อีกหนึ่งคน ไปบรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะและการเมืองในประเทศไทย ทาง กวป. ตอบรับคำเชิญ การบรรยายนี้จะเป็นบรรยายสาธารณะ และทางพิพิธภัณฑ์จะจัดทำเอกสารประกอบการบรรยายจากคำบรรยายของตัวแทน กวป. เพื่อเผยแพร่ต่อไป

ประการที่สาม ทาง กวป. เรียกร้องเพิ่มเติมว่า ขอให้พิพิธภัณฑ์เผยแพร่จดหมายเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ต่อสาธารณชน และขอให้พิพิธภัณฑ์ยืนยันว่าจะเก็บรวบรวมจดหมายและเอกสารเหล่านี้ไว้ในหอจดหมายเหตุของพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่อให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงสำหรับการศึกษาวิจัยในประเด็นนี้ได้ต่อไป

หากมีความคืบหน้าประการใดต่อไป คณะผู้ประสานงานจะรายงานให้ทุกท่านทราบเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ เนื่องจากข่าวคราวของการทักท้วงนี้กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่แวดวงศิลปะและผู้สนใจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ติดตามอย่างกว้างขวาง จึงขอแนบรายงานข่าวของสื่อมวลชนต่างประเทศมาท้ายกับจดหมายนี้ด้วย

ด้วยความนับถือ

ผู้ประสานงาน กวป.

000

อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. คณะศิลปินในนาม “กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม"นำโดยสุธี คุณาวิชยานนท์, จรูญ อังศวานนท์ จุมพล อภิสุข, มานิต ศรีวานิชภูมิ, ไพโรจย์ ศรีประภา อภิศักดิ์ สนจด ฯลฯ จัดแถลงข่าวในเรื่อง "บทบาทและจุดยืนของศิลปินที่มีจิตสำนึกสาธารณะ” ต่อกรณีที่ที่ กวป. ทำจดหมายประท้วงการแสดงผลงานของสุธีดังกล่าว

โดย "กลุ่มศิลปินและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม"ได้เผยแพร่จดหมายถึงสื่อมวลชนในประเทศไทย และส่งจดหมายเปิดผนึกถึง จอง-ยัง ลิม ลงฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 และมีผู้ร่วมลงนามข้างท้ายเป็นจำนวน 512 คน โดยมีเนื้อหาว่า สุธีและเพื่อศิลปินภายใต้กลุ่ม Art Lane ได้ทำกิจกรรมระดมทุนและให้เงินสนับสนุนกลุ่ม กปปส. เพราะทุกคนมีแนวคิดและเป้าหมายที่ตรงกัน นั่นคือการคัดค้านกฏหมายนิรโทษกรรม และการคอรัปชั่นของรัฐบาลในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าว การร่วมชุมนุมของสุธีและกลุ่มไม่ได้มีเจตนาที่จะปูทาง หรือสนับสนุนให้มีการรัฐประหารแต่อย่างใด ผลงานชุดดังกล่าวของสุธีนั้นได้แสดงถึงเสรีภาพในการทำงานของศิลปินตามแนวทางของประชาธิปไตย ซึ่งมีความสอดคล้องกับนิทรรศการที่จัดขึ้น ศิลปินทุกคนควรมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น อีกทั้งยังกล่าวว่า ลิม จองยัง ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่สมควรทำตามกระแสกดดันจาก กวป. และเครือข่าย

ขณะที่สุธี ซึ่งร่วมแถลงข่าวด้วยกล่าวยืนยันไม่สนับสนุนรัฐประหาร และเขาเชื่อเรื่องเสรีภาพการทำงาน ไม่ขัดข้องหากพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูจะติดจดหมาย กวป. คู่ผลงาน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ทำจม.ขอบคุณหอศิลป์กวางจู กรณีงานศิลปะสุธี

$
0
0


โปสเตอร์งาน 'The Truth_ to Turn It Over' (ที่มา: Artmuse.gwangju.go.kr)

กรณีพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู เชิญ สุธี คุณาวิชยานนท์ ร่วมแสดงผลงานศิลปะในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over'ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) ระหว่างวันที่ 10 พ.ค.-15 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าผลงานแสดงของสุธีบางส่วน เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านประชาธิปไตยและปูทางไปสู่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดยบุคคลหลายวงการในไทยในนามกลุ่ม นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกเพื่อทักท้วงกรณีดังกล่าว ต่อมา หอศิลป์เมืองกวางจูและภัณฑารักษ์ได้แสดงความเสียใจที่เกิดข้อขัดแย้งในงานศิลปะ ‘มวลมหาประชาชน’ ของสุธี คุณาวิชยานนท์ และเสียใจที่ไม่มีความสามารถพอที่จะศึกษาการเมืองไทย และได้เชิญ ธนาวิ โชติประดิษฐ ตัวแทน กวป. ไปบรรยายสาธารณะเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะและการเมืองในประเทศไทย พร้อมรวบรวมข้อถกเถียงทั้งหมดเป็นหนังสือ


หนังสือรวบรวมข้อถกเถียงกรณีดังกล่าว

ล่าสุด (18 ส.ค. 2559) นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) โดย บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ, ธนาวิ โชติประดิษฐ, ถนอม ชาภักดี, ทัศนัย เศรษฐเสรี และ ยุกติ มุกดาวิจิตร ผู้ประสานงาน ทำจดหมายเปิดผนึกถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ขอบคุณพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูและ ลิม จอง-ยัง ภัณฑารักษ์ ที่สนองตอบต่อประเด็นดังกล่าวอย่างเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ

รายละเอียดมีดังนี้

จดหมายเปิดผนึกถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู
(พร้อมกับส่งให้ May 18 Memorial Foundation (มูลนิธิรำลึกเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม))

นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ขอขอบคุณที่ท่านได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อผลงาน Thai Uprising ของ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ในนิทรรศการ The Truth to Turn It Over ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู

กวป. และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูได้แลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ผลงาน Thai Uprising อันเป็นผลงานส่วนหนึ่งของ รศ. สุธี ในระหว่างที่เขามีส่วนร่วมกับกลุ่มศิลปิน Art Lane นั้น เป็นที่รับรู้กันว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" (กปปส.) ซึ่งก่อผลสะเทือนต่อเส้นทางสู่ประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างกว้างขวาง การเคลื่อนไหวของขบวนการ กปปส. ได้นำไปสู่การแทรกแซงของกองทัพใน พ.ศ. 2557 ประเทศไทยจึงตกอยู่ใต้อำนาจครอบงำของกองทัพนับตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าคณะรัฐประหารสัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในปี 2560 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่ากองทัพจะถอนตัวจากการเมืองไทย ดังนั้น การร่วมแสดงงานของ รศ.สุธี ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูจึงนับได้ว่า เป็นการสบประมาทต่อจิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนกวางจู

หลังจากที่ กวป. และพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูหารือจนได้ข้อยุติร่วมกัน กวป. ยินดีอย่างยิ่งที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูและภัณฑารักษ์คือคุณลิม จอง-ยัง (Lim Jong-Young) ได้เผยแพร่คำขอขมาต่อสาธารณชนในระยะเวลาอันสมควร นอกจากนั้น ทางพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูยังติดตั้งแผ่นป้ายอธิบายประเด็นซับซ้อนทางการเมือง ณ ที่จัดแสดงงานเพื่อให้ผู้เข้าชมผลงานได้อ่าน เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์และคณะศิลปินจำนวนหนึ่ง มีส่วนพัวพันกับขบวนการ กปปส. ซึ่งปูทางไปสู่การรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 และพวกเขายังคงสนับสนุน กปปส. อยู่จนทุกวันนี้

กวป. ขอขอบคุณที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูได้เชิญ ดร. ธนาวิ โชติประดิษฐ ตัวแทน กวป. ไปบรรยายสาธารณะเรื่อง Dazed and Confused: Thai Art in the 10-Year Political Division ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สุดท้ายแล้ว กวป. ขอขอบคุณพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูและภัณฑารักษ์คือคุณลิม จอง-ยัง ที่สนองตอบต่อประเด็นนี้อย่างเป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ

กวป. เชื่อมั่นว่า จิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้รับการทดสอบมาอย่างต่อเนื่อง และความเข้าใจระหว่างกันในประเด็นนี้ได้แสดงให้เห็นว่า จิตวิญญาณของประชาชนกวางจูและประชาชนชาวไทยผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสมแล้ว

ด้วยมิตรภาพ
นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)
ผู้ประสานงาน
บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ
ธนาวิ โชติประดิษฐ
ถนอม ชาภักดี
ทัศนัย เศรษฐเสรี
ยุกติ มุกดาวิจิตร

 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ไผ่ ดาวดิน ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนจากประเทศเกาหลีใต้

$
0
0

ไผ่ ดาวดิน ผู้ต้องหาคดี 112 จากการแชร์รายงานข่าวพระราชประวัติ ร.10 ได้รับรางวัลนักปกป้องสิทธิจากเกาหลีใต้พร้อมเงิน 50,000 ดอลลาร์ ผู้ที่เคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วได้แก่ นางอองซาน ซูจี จากประเทศพม่า นายสมบัด สมพอน ทนายสิทธิผู้ถูกบังคับให้สูญหายชาวลาว กลุ่มรณรงค์การเลือกตั้งที่สะอาดและยุติธรรม หรือ ‘Bersih’ ประเทศมาเลเซีย และนางอังคณา นีละไพจิตร 

14 เมษายน 2560 เวลา 11.10 น. ประชาไทได้รับแจ้งจาก สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดลว่า ทางสถาบันได้รับอีเมล์แจ้งว่า นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดินนักศึกษา ม.ขอนแก่น นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน (Gwang Ju Prize for Human Rights)ประจำปี 2560 จากมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)


อีเมล์ดังกล่าวได้ส่งถึง ไผ่ ดาวดิน และสถาบันสิทธิฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่เสนอชื่อให้ ไผ่ เข้ารับรางวัลดังกล่าวโดยเนื้อหาส่วนหนึ่งได้ระบุว่า

“ คณะกรรมการคัดสรรรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2017 ขอชื่นชมความกล้าหาญและจิตใจรักความเป็นธรรมของคุณที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับเผด็จการและการละเมิดสิทธิมนุษยชน เราเล็งเห็นด้วยว่าการต่อสู้ของคุณช่วยปลุกเร้าประชาชน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ให้หันมาสนใจสภาพการณ์ทางการเมืองและความสำคัญของการแก้ไขปัญหา รวมทั้งได้สร้างคุณูปการต่อการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทย”

ในจดหมายได้เชิญให้ไผ่เดินทางไปรับรางวัลในวันที่  18 พฤษภาคม 2560 ที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ โดยได้ระบุว่าหาก ไผ่ ไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัล ให้ตัวแทนของไผ่ เป็นผู้ไปรับรางวัลแทน นอกจากการรับเกียรติบัตรแล้วทางมูลนิธิยังจะได้มอบเงินให้กับผู้ได้รับรางวัล 50,000 ยูเอสดอลลาร์ 

มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) เจ้าของรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ก่อตั้งขึ้นโดยเหยื่อของการปราบปรามการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ (เมื่อปี 2523)  มูลนิธิได้ทำงานรวบรวมและบันทึกข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ปราบปรามสังหารประชาชนที่เมืองกวางจู เพื่อเป็นการสืบสานเจตนารมย์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และสนับสนุนและเผยแพร่การเรียกร้องประชาธิปไตยและการทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนในเอเชีย ซึ่งรางวัลที่ ไผ่ และนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนได้รับเป็นหนึ่งในกิจกรรมของมูลนิธิ 

สำหรับผู้ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างที่เคยได้รับรางวัลมาแล้วได้แก่ นางอองซาน ซูจี อดีตผู้เรียกร้องประชาธิปไตย เลขาธิการพรรค NLD และ รมว.ต่างประเทศพม่า นายสมบัด สมพอน (2015) ทนายความนักสิทธิมนุษยชน ประเทศลาวที่ถูกบังคับให้หายสาบสูญ และกลุ่มรณรงค์การเลือกตั้งที่สะอาดและยุติธรรม หรือ ‘Bersih’ ประเทศมาเลเซีย

สำหรับผู้ได้รับรางวัลชาวไทยคนแรกได้แก่ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตรทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่ถูบังคับให้สาบสูญ โดยรางวัลดังกล่าวได้รับเมื่อปี 2549 (2006)  และในปัจจุบันนี้นางอังคณา ได้รับการสรรหาให้เป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

0000


เนื้อหาในจดหมาย

 

เรียน คุณจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา

มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะแจ้งให้คุณทราบว่า คุณคือผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2017 ขอแสดงความยินดีด้วย

คณะกรรมการคัดสรรรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2017 ขอชื่นชมความกล้าหาญและจิตใจรักความเป็นธรรมของคุณที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับเผด็จการและการละเมิดสิทธิมนุษยชน เราเล็งเห็นด้วยว่าการต่อสู้ของคุณช่วยปลุกเร้าประชาชน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ให้หันมาสนใจสภาพการณ์ทางการเมืองและความสำคัญของการแก้ไขปัญหา รวมทั้งได้สร้างคุณูปการต่อการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทย

พิธีรับรางวัลจะจัดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม 2017 ที่เมืองกวางจูระหว่างการจัดงาน Gwangju Asia Forum ในช่วงวันที่ 16 -18 พฤษภาคม เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากคุณสามารถมาร่วมเวทีเสวนานี้ โดยเฉพาะพิธีมอบรางวัล ทางมูลนิธิยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางมายังประเทศเกาหลี

หากคุณไม่สามารถมาร่วมงานได้ โปรดแจ้งให้เราทราบถึงบุคคลที่จะมาเป็นตัวแทนของคุณ แต่เราภาวนาขอให้คุณได้รับอิสรภาพในเร็ววันเพื่อที่เราจะได้พบคุณที่เมืองกวางจู หากมีสิ่งใดก็ตามที่เราสามารถทำได้เพื่อให้สิ่งนี้เป็นจริง โปรดบอกให้เราทราบทันที เราจะยินดีอย่างที่สุดหากได้ช่วยเหลือคุณ

ขอแสดงความยินดีอีกครั้งที่คุณได้รับรางวัลนี้ สิ่งที่แนบมาด้วยคือจดหมายเชิญและเอกสารขอข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น

ด้วยความนับถือ

อินเร ยู
ผู้ประสานงานกิจการระหว่างประเทศ




Dear Mr. Jatupat Boonpattararaksa,

The May 18 Memorial Foundation is very happy and honored to inform you that you are the winner of the 2017 Gwangju Prize for Human Rights. Congratulations.

The 2017 GPHR Selection Committee thought highly of your brave and noble actions against dictatorship and violations on human rights. We also noticed that your struggles have aroused attention about political conditions and the importance of their improvement among your citizens, especially among the young and have contributed to bringing democracy to Thailand.

The Award Ceremony will be held on May 18, 2017 in Gwangju during the 2017 Gwangju Asia Forum between May 16 and 18. We would be pleased if you are present at the Forum, especially at the Award Ceremony. All the expenses related to your visit to Korea will be covered by the Foundation.

If unfortunately, though, you are not available for it, please inform us of someone who can be your surrogate for the occasion. But we do pray that you are freed soon enough so we see you in person here in Gwangju. If there is anything that we can do to make this happen, please let us know. We will be more than happy to assist with you.

Congratulations again on your award winning. Please note the attachments of the invitation letter and other papers for further information.

Sincerely,

Inrae You
International Affairs Coordinator



เกี่ยวกับ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน 

‘ไผ่ ดาวดิน’ หรือนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักศึกษาและนักกิจกรรมที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการต่อสู้ร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในภาคอีสาน ในช่วงหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557  ไผ่และเพื่อนเคยชู 3 นิ้วพร้อมใส่เสื้อที่เรียงกันเป็นข้อความว่า “ไม่เอารัฐประหาร” ต่อหน้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น

ในปีต่อมาไผ่และกลุ่มกิจกรรมนักศึกษาดาวดินก็ได้จัดกิจกรรมรำลึก 1 ปี รัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ก่อนที่จะลงมาร่วมกับกลุ่มนักศึกษาและนักกิจกรรมในนามขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ชุมนุมต่อต้าน คสช. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุให้ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีและถูกจับขังอยู่ในเรือนจำ

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ไผ่ และกลุ่มกิจกรรมใน ม.ขอนแก่น ได้จัดกิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพฯ เพื่อรณรงค์เรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นประชามติ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น จนถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง หน.คสช. หลังจากนั้นไผ่และเพื่อนอีก 1 คนยังได้ไปแจกเอกสารรณรงค์ประชามติ ที่ จ.ชัยภูมิ จนเป็นเหตุให้ถูกแจ้งข้อหากระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 10 ปี

เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่ทำให้ไผ่ถูกจับกุมและดำเนินคดีช่วงหลังรัฐประหาร ซึ่งนับรวมการจับกุมและดำเนินคดีในครั้งนี้ถือได้ว่าไผ่ถูกจับกุมทั้งหมด 5 ครั้ง และถูกดำเนินคดี 5 คดี


ในส่วนคดีของนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน เกิดจากการเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 โดย พ.ท. พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ มณฑลทหารบกที่ 23 จากการที่จตุภัทร์ ได้แชร์บทความพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเว็บไซต์ BBC Thai เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 ซึ่งมีผู้แชร์บทความดังกล่าวประมาณ 2,800 ครั้ง แต่มีจตุภัทร์เพียงคนเดียวที่ถูกจับกุมดำเนินคดี โดยในวันที่ 3 ธ.ค. 2559 จตุภัทร์ ถูกจับกุมตัวที่จังหวัดชัยภูมิ ขณะกำลังร่วมขบวนธรรมยาตรา กับพระไพศาล วิสาโล โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายจับที่ออกโดยศาลจังหวัดขอนแก่น

ต่อมาในวันที่ 4 ธ.ค. 2559 ศาลได้พิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จตุภัทร์ โดยทนาย พร้อมนายประกันได้ยื่นหลักทรัพย์ 4 แสนบาท และให้เหตุผลไว้ในคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวว่า จตุภัทร์ เป็นผู้ต่องหาคดีการเมืองอยู่ 4 คดี แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีพฤติกรรมหลบหนี อีกทั้งในวันที่ 8 ธ.ค. ผู้ต้องหามีสอบเป็นวิชาสุดท้าย หากไม่ได้เข้าสอบวิชาดังกล่าวจะส่งผลให้เขาเรียนไม่จบตามหลักสูตร ศาลจึงพิจารณาให้ประกันตัว

ต่อมาในวันที่ 22 ธ.ค. 2559 ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดพิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ที่ขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว จตุภัทร์ โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหา ได้ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว จึงสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ทั้งยังเห็นว่านายประกัน ซึ่งเป็นบิดา ไม่ได้ทำการห้ามปราบการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลได้มีคำสั่งกำชับให้นายประกัน, ผู้ต้องหาให้มาศาลตามนัด ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ พยานหลักฐานในคดี หรือก่อความเสียหายใดๆ หลังปล่อยตัวชั่วคราว หากผิดนัด ผิดเงื่อนไข ศาลอาจถอนประกันและอาจไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอีก และภายหลังปล่อยตัวชั่วคราว ได้ความจากทางไต่สวนว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ลบข้อความที่ถูกกล่าวหาเป็นคดีนี้ในสื่อสังคมออนไลน์บนเฟซบุ๊กของผู้ต้องหา กับทั้งผู้ต้องหาได้แสดงออกถึงพฤติกรรมในสื่อสังคมออนไลน์ในเชิงสัญลักษณ์เย้ยหยันอำนาจรัฐ โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ทั้งผู้ต้องหายังมีแนวโน้มจะกระทำการในลักษณะเช่นนี้ต่อไปอีก ผู้ต้องหาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มีอายุ 25 ปี ย่อมรู้ดีว่า การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวข้างต้นเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาล จึงฟังได้ความตามคำร้องว่า ผู้ต้องหาได้กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายภายหลังการปล่อยตัวชั่วคราว ประกอบกับนายประกันผู้ต้องหาไม่ได้กำชับหรือดูแลให้ผู้ต้องหาปฏิบัติตามเงื่อนไขศาลที่มีคำสั่ง จนก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าว จึงให้เพิกถอนสัญญาประกันตัวผู้ต้องหา หมายขังผู้ต้องหา ตรวจคืนหลักประกันให้นายประกัน

ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. 2560 ศาลได้รับฟ้องคดีดังกล่าว พร้อมไต่สวนคำให้การของจตุภัทร์ โดยเขาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และพร้อมที่จะสู้คดี โดยในวันนั้นศาลได้ใช้อำนาจสั่งขังเขาต่อไประหว่างการพิจารณาคดี และได้นัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 21 มี.ค. 2560 ทั้งนี้อัยการโจทก์ได้ระบุในคำฟ้องด้วยว่า

"อนึ่ง หากจำเลยขอปล่อยตัวชั่วคราว โจทก์ขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เป็นการกระทำต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งและเทิดทูนของประชาชน และเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี"

ทั้งนี้จตุภัทร์ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัด จังหวัดขอนแก่น มาตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 2559 โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2560 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ‘ไผ่’ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา  หลังจากเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ทนายความเข้ายื่นอุทธรณ์ เพื่อคัดค้านคำสั่งศาลจังหวัดขอนแก่นลงวันที่ 21 มี.ค. 60 ที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวจตุภัทร์

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานว่า ในคดีนี้ อัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจตุภัทร์ต่อศาลจังหวัดขอนแก่น เป็นคดีหมายเลขดำที่ 301/2560 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 และ 14 (3) โดยจตุภัทร์ให้การปฏิเสธ และศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 3-4, 15-17 ส.ค. 60 สืบพยานจำเลยในวันที่ 30-31 ส.ค. และ 5-7 ก.ย. 60 ในชั้นสอบสวน จตุภัทร์เคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเวลา 18 วัน แต่ถูกถอนประกันจากการที่ยังโพสต์แสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย หลังถูกถอนประกัน ทนายความได้ยื่นประกันจตุภัทร์ รวม 8 ครั้ง และอุทธรณ์รวม 2 ครั้ง แต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวอีกเลย


 

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ทูตไทยที่โซลส่งจดหมายชี้แจงกรณี 'ไผ่ ดาวดิน'รับรางวัลสิทธิมนุษยชนกวางจู

$
0
0

เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซลส่งจดหมายถึงมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกของเกาหลีใต้ ที่จะมอบรางวัลให้ 'ไผ่ ดาวดิน'โดยชี้แจงว่าไผ่ ดาวดิน ทำผิดกฎหมายไทยคือ ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดเงื่อนไขการประกันตัว ย้ำประเทศไทยให้คุณค่าต่อเสรีภาพแต่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตกฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยและความกลมเกลียวของสังคม

ศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูตประจำกรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (ซ้าย) หนังสือของทูตไทยประจำกรุงโซล ชี้แจงมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกของเกาหลีใต้ (ขวา)

9 พ.ค. 2560 มีรายงานว่า ศรัณย์ เจริญสุวรรณ อดีตอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตของสถานเอกอัครราชทูตไทย ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตั้งแต่ต้นปี 2559 ได้ส่งจดหมายลงวันที่ 2 พฤษภาคม แสดงความกังวลที่มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกของเกาหลีใต้จะมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนให้กับ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังระหว่างรอดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยรายละเอียดของจดหมายมีดังนี้

เรียน คุณชามุงซ็อก

ผมได้ทราบว่ามูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกตัดสินใจที่จะมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2017 ให้กับนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา

ผมขอถือโอกาสนี้ชี้ให้เห็นว่า นายจตุภัทร์ได้กระทำผิดกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ปัจจุบันเขาถูกควบคุมตัวในข้อหากระทำผิดมาตรา 112 (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) ในประมวลกฎหมายอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายจตุภัทร์ได้รับการประกันตัวตั้งแต่ต้นในช่วงที่เขาถูกจับ อย่างไรก็ตามมีการยกเลิกการประกันตัวเนื่องจากเขากระทำผิดซ้ำ ซึ่งผิดเงื่อนไขการประกันตัว คดีของเขาได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมภายใต้ศาลยุติธรรม

ผมขอเน้นว่าประเทศไทยสนับสนุนและให้คุณค่าอย่างยิ่งต่อเรื่องเสรีภาพการแสดงออก การสมาคมและการรวมตัว และเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามสิทธิเหล่านี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และจำต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความกลมเกลียวของสังคม

ด้วยความจริงใจ

ศรัณย์ เจริญสุวรรณ
เอกอัครราชทูต

อนึ่ง มีรายงานว่า จตุภัทร์ ได้รับเชิญให้ไปรับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน (Gwang Ju Prize for Human Rights) ประจำปี 2017 จากมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) สาธารณรัฐเกาหลี โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายน ผอ.มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก ส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ขอให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้จตุภัทร์ได้รับการประกันตัวและให้เดินทางไปยังเกาหลีใต้เพื่อรับรางวัล

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม มีการยื่นขอประกันตัวจตุภัทร์เป็นครั้งที่ 9 เพื่อให้สามารถเดินทางไปรับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน แต่ศาลขอนแก่นไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยระบุว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ตอบ 'ดอน ปรมัตถ์วินัย': ทำไมรางวัลกวางจูจึงสำคัญ?

$
0
0

หาคำตอบให้ดอน ปรมัตถ์วินัย เพราะเหตุใดเหตุการณ์ที่กวางจูในปี 1980 และการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ เผยประวัติศาสตร์ฉบับสังเขป เมื่อผู้นำรัฐประหาร และสั่งยิงนักศึกษา-ประชาชน ไม่พ้นผิด-ไม่ลอยนอล

ดูจะเป็นเรื่องที่แปลกพอสมควร เมื่อคนระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ อย่างดอน ปรมัตถ์วินัย ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต และตำแหน่งสำคัญต่างๆ ทางการทูตหลายตำแหน่ง ได้ออกมาตั้งคำถามถึงกรณีที่ มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) ซึ่งได้มีการมอบรางวัลสิทธิมนุษยชนแห่งกวางจู (Gwangju Prize for Human Rights) ประจำปี 2017 ให้กับจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักศึกษานักกิจกรรม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ซึ่งถูกจับกุมคุมขัง และถูกเพิกถอนสัญญาการปล่อยตัวชั่วคราว ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และฝ่าฝืน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การแชร์บทความพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จากเว็บไซต์ BBC Thai ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทั้งนี้ไผ่ ถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2560 โดยที่คดีความยังไม่ได้ตัดสิน และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว

โดยคำถามสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยการปกครองของรัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อหลายสำนักเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 วันเดียวหลังจากที่ครอบครัว และทนายความของไผ่ ได้ยื่นขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 9 เพื่อที่จะขอโอกาสให้ไผ่ ได้เดินทางไปรับรางวัลสิทธิมนุษยชนดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่ศาลยังคงมีความเห็นไม่อนุญาตให้ประกัน เนื่องจากยังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ดอน กล่าวถึงกรณีที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว และการได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชนของไผ่ว่า คงต้องมีการตรวจสอบก่อนว่า องค์กรดังกล่าวเป็นองค์กรเกี่ยวกับอะไร และวัตถุประสงค์ของการมอบรางวัลคืออะไร และมีความเกี่ยวข้องอย่างไร กับไผ่ ดาวดิน ขณะเดียวกันก็ยังระบุด้วยว่าองค์กรที่มองรางวัลเป็นเครือข่ายเดียวกันกับกลุ่มของไผ่ ดาวดิน หรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นจากข่าว ก็พอจะประเมินได้ว่าเป็นผู้ที่ทำกิจกรรมลักษณะคล้ายกัน

ที่มาของภาพ: แฟ้มภาพกระทรวงต่างประเทศ

จากคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ชวนให้สงสัยอยู่ไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองกวางจู 37 ปีก่อน และเรื่องราวหลังจากนั้นส่งผลสืบเนื่องอย่างไร เพราะอะไรผู้ที่พอรู้ประวัติศาสตร์จึงเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าเป็น เหตุการณ์สำคัญในการสร้างประชาธิปไตยของสาธารณรัฐเกาหลี ประชาไทชวนอ่านประวัติศาสตร์ฉบับสังเขป เพื่อความเข้าใจการลุกฮือต่อต้านเผด็จการในฤดูใบไม้ผลิเมื่อปี 1980 ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย อาจจะแตกต่างกันก็เพียงแค่ สาธารณรัฐเกาหลี สามารถนำคณะรัฐประหารมาลงโทษได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 20 ปี ในขณะที่เรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย พร้อมทั้งหาคำตอบว่าการให้รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนกับไผ่ ดาวดิน แสดงออกถึงอะไร

00000

มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก ก่อตั้งจากเลือด บาดแผล และความทรงจำที่จะไม่มีวันซ้ำรอยเดิม

พูดอย่างไม่เกินเลยไปนัก มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (May 18 Memorial Foundation) คือองค์กรที่เกิดมาจากจิตวิญญาณของการลุกฮือขึ้นต่อต้านกับระบอบเผด็จการอำนาจนิยมของผู้ชุมนุมประท้วงในเมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1980 (พ.ศ.2523) ซึ่งมีการกล่าวถึงกันว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นโศกนาฏกรรม และความน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสาธารณรัฐเกาหลี เพราะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกือบ 200 คน (จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันตัวเลขที่ชัดเจน) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 3,000 คน นั้นย่อมแสดงให้เห็นว่านี่คือ ประวัติศาสตร์บาดแผล และเจ็บปวดของชาวเกาหลีใต้ครั้งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างประชาธิปไตยของประเทศ และมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกเองก็เป็นหนึ่งในขบวนเคลื่อนไหวดังกล่าว และทำให้เรื่องราวความโหดร้ายของการล้อมปราบประชาชน การละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง กลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ ที่มีค่าเพียงพอที่จะได้ตระหนักถึงเพื่อเป็นหลักยันให้กับอนาคตว่าเรื่องราวเหล่านี้จะไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก

จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ ‘การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่กวางจูง’ (Gwangju Democratic Uprising) เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรวมตัวกับของขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในสมัยการปกครองของประธานาธิบดี ปาร์ก จุงฮี นายทหารที่ได้อำนาจการปกครองจากการทำรัฐประหาร และครองอำนาจเบ็ดเสร็จยาวนานถึง 18 ปี ซึ่งผู้คนในสมัยนั้นต่างเรียกภายปกครองภายใต้ปาร์ก จุงฮี ว่าระบอบยูชิน ซึ่งปฏิเสธสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และมีการวางรากฐานอำนาจที่มั่นคงไว้รัฐธรรมนูญยูชิน ค.ศ.1972  นอกจากนี้ยังไม่การอ้างสถานการณ์ทางการเมืองภายนอกประเทศเพื่อลดทอนเสรีภาพในด้านต่างๆ

ทั้งยังมีการใช้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อเอกภาพแห่งชาติ ปลดคิม ยองซัม สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้าน ทำให้นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยพูซานเริ่มต้นลุกขึ้นเรียกร้อง ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1979 ก่อนที่สถานการณ์อันเป็นผลจาการตอบโต้ของรัฐบาลจะทำเกิดการลึกฮือขึ้นในเมืองมาซาน แต่การลุกฮือของประชาชนและนักศึกษาของทั้งสองเมืองก็กินระยะเวลาได้ไม่นาน เนื่องจากรัฐบาลได้จับกุมผู้ต่อต้านทั้งหมด 1,563 คน

สิ่งที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลสืบเนื่องมายังเหตุการณ์ที่กวางจูในในอีก 7-8 เดือนถัดมาคือ ความตายของปาร์ค จุงฮี จากการถูกลอบสังหารระหว่างทานอาหารค่ำในบริเวณทำเนียบประธานาธิบดี (Blue House) ในกรุงโซล อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเสียชีวิตของประธานาธิบดีในระบอบเผด็จการจะค่อยๆ ทำให้ระบอบยูชินที่ยาวนานถึง 18 ปีล้มสลายลง แต่บรรดานายทหารที่ฝักใฝ่การเมืองซึ่งช่วยสร้างระบบยูชินก็ยังคงมีอานาจอยู่ต่อไปเพื่อรักษาระบอบ และรักษาอานาจของพวกเขาภายหลังจากความตายของปาร์ค จุงฮี

หลังจากการเสียชีวิตของปาร์ค จุงฮี นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ ชเว คยู ฮา ได้เข้ารับตำแหน่งรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี และได้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ในเวลานั้น นายพลชอง ซึง ฮวาผู้บัญชาการกองกาลังรักษาความมั่นคง (Defense Security Force )ได้ตั้งศูนย์สืบสวนร่วมเพื่อสืบสวนคดีการสังหารประธานาธิบดี โดยมีชอน ดู ฮวานเป็นผู้บัญชาการกองกาลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Force)

ต่อมาในวันที่ 12 ธ.ค. ค.ศ. 1979 ชอน ดู ฮวาน ได้ทำการรัฐประหาร ชเว คยู ฮา โดยคณะรัฐประหารได้ล้างอำนาจการบริหารในสมัยของ ชเว คยู ฮา พร้อมทั้งขยายอำนาจผ่านกฎอัยการศึก และถ่วงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็เริ่มจัดตั้งปฏิบัติการเค (K-Operation ย่อมาจาก King-Operation) เพื่อเข้าควบคุมสื่อมวลชน เพื่อทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความจำเป็นที่กองทัพจะต้องเข้ามาวบคุมอำนาจ

มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปปรับทัศนคติกับหนังสือพิมพ์รายวันกว่า 94 ฉบับ ให้เสนอข่าวในทางเดียวกันว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีชอน ดู ฮวาน และผู้นำกองทัพชุดใหม่จะเป็นความหวังเดียวที่จะจัดการกับความวุ่นวายไร้ระเบียบที่กาลังแผ่ซ่านทั้งประเทศ ขณะเดียวกันก็มีการฝึกพิเศษกับทหารรอบหัวเมืองใหญ่ เพื่อที่จะเตรียมพร้อมกับการจัดการการลุกฮือของประชาชน โดยมียุทธวิธีในการหลักคือสลายฝูงชนโดยการเข้าโจมตี และตีฝูงชนให้แตกกระจายเป็นกลุ่มย่อยๆ เพื่อไม่ให้สามารถรวมตัวกันได้อีก และมุ่งจับกุมตัวผู้นาการชุมนุม ทหารจะถูกฝึกให้เล็งที่ข้อต่อคอและศีรษะและตีไม่ยั้งทั้งชายและหญิง จากนั้นจะถูกถอดเสื้อผ้าแล้วลากหรือโยนขึ้นรถบรรทุกที่จอดรออยู่เพื่อพาตัวไปคุมขังยังเรือนจำทหารซึ่งมีการใช้อำนาจในการข่มเหงในขั้นต่อไป

และหลังจากการยึดอำนาจได้ไม่นานขบวนการนักศึกษาก็เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอีกครั้งก่อนจะนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่กระทำโดยน้ำมือของผู้ที่อยู่ร่วมชาติเดียวกัน

ภาพประชาสัมพันธ์กิจกรรม มองรางวัล 2017 Gwangju Prize for Human Rights จากว็บไซต์ The May 18 Memorial Foundation

เหตุการณ์กวางจู ประวัติศาสตร์ของการเอาผิด-รับโทษ

ในขณะที่การต่อต้านรัฐบาลของชอน ดู ฮวาน ก่อตัวขึ้นในหลายจังหวัด แต่มีเพียงเมืองเดียวที่นักศึกษา และประชาชนรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารได้อย่างเข้มแข็ง ท่ามกลางความตึงเครียดในสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเวลานั้น มีข่าวลือว่าขบวนการนักศึกษาจะลุกฮือขึ้นในเดือนพฤษภาคม รัฐบาลกลับเมินเฉยต่อข้างเสนอของฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องการให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก ทั้งยังได้ออกคำสั่งให้หน่วยปฏิบัติการสลายการชุมนุมเข้าประจำการตามเมืองใหญ่ ขณะที่ฝ่ายนักศึกษาเองก็เตรียมพร้อมที่จะจัดการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย

วันที่ 14 พฤษภาคม 1980 มีนักศึกษากว่า 70,000 คน ออกมาบนท้องถนและไปรวมตัวกันที่ จตุรัสควางฮวามุน ในวันต่อมานักศึกษาออกมาร่วมตัวกันอีก เพิ่มจำนวนเป็นแสนคน ในที่ในวันที่ 16 พฤษภาคม นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชอนนัมและมหาวิทยาลัยโชซอน กับวิทยาลัยการศึกษาในกวางจูจัดการชุมนุมที่หน้าศาลาว่าการเมืองกวางจู ตามมาด้วยการเดินขบวนถือคบไฟอย่างสันติ

แต่ถัดมาในวันที่ 17 พฤษภาคม ชอน ดู ฮวาน ได้ขยายการประกาศใช้กฎอัยการศึก และส่งทหารกว่าแสนนายเข้าปิดล้อมเมืองกวางจูในวันที่ 18 พฤษภาคม และตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนั้นการล้อมปราบ และการปะทะก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั้งทั้งสองฝ่ายเริ่มยิงต่อสู้กันในวันที่ 20 พฤษภาคม เนื่องจากสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ในขณะที่สื่อมวลชนก็ไม่นำเสนอข่าวสารที่ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองกวางจู ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 ผู้ชุมนุมจึงปรับเปลี่ยนยุทธวิธีจากการเป็นฝ่ายรับป้องกันตัวเอง มาเป็นฝ่ายโจมตี เนื่องจากถูกกระตุ้นโดยความโหดร้ายของทหารที่ปฏิบัติต่อประชาชน แต่เป็นฝ่ายทหารที่สามารถเข้ายึดเมืองกวางจูได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม โดยการใช้เวลาเพียง 90 นาที เนื่องจาก จอห์น เอ. วิคแฮม จูเนียร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการร่วมสหรัฐ-เกาหลีใต้ ให้ความเห็นชอบต่อประธานาธิบดีชอน เคลื่อนกำลังทหารเกาหลีจำนวนมากจากเขตปลอดทหารตามแนวชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ มาใช้ในปฏิบัติการยึดคืนเมืองกวางจู

เรื่องราวที่กวางจูจบลง ผู้นำการชุมนุมอย่าง คิม แทจุง ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดี ถูกตัดสินว่าผิดจริงและพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่ลดโทษลงเหลือจำคุกตลอดชีวิตหลังการกดดันของนานาชาติ ในจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมที่กวางจู มี 427 คนถูกพิพากษาว่ากระทำผิด 7 คนถูกตัดสินประหาร 12 คนถูกจำคุกตลอดชีวิต ที่เหลือได้รับโทษจำแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่กวางจูแม้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายนักศึกษาประชาชน แต่มันกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เหมือนคบไฟที่ถูกจุดขึ้นและไม่มีวันมอดดับ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นชอน ดู ฮวาน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปอีกสองสมัย ค.ศ. 1980- 1988 ตามด้วยโรห์ แตวู อีกสองสมัย ค.ศ. 1988-1993 และในช่วงเวลาดังกล่าเหตุการณ์ที่กวางจูถูกจดจำเพียงสถานะของการก่อจลาจล อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีรัฐบาลพลเรือนซึ่งนำโดยคิม ยองซัม ได้มีการประกาศนโยบายปฏิรูปการเมือง และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และมีการนำคีดรัฐประหาร การยึดอำนาจการปกครอง และการสังหารหมู่นักศึกษาประชาชนที่กวางจูขึ้นสู่ศาล

โดยชอน ดู ฮวาน และโรห์ แตวู ถูกศาลตัดสินในวันที่ 26 สิงหาคม 1996 ในข้อหาคอร์รัปชันและกบฏ โดยชอน ดู ฮวาน ถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนโรห์ แตวู  ถูกตัดสินจำคุก 22 ปี 6 เดือน แต่ทั้งหมดได้รับการอภัยโทษในปี 1997 โดยประธานาธิบดีคิม ยังซัม จากคำแนะนำของคิม แดจุง ประธานาธิบดีคนถัดมาเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความปรองดอง และเหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคม 1980 ก็ถูกจดจำใหม่ในสถานนะของ ‘การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่กวางจูง’

จากนั้นในปี 1998 จึงได้มีการก่อตั้งมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึกขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญานการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเป็นการบอกเตือนคุณรุ่นใหม่ให้รู้ถึงความเลวร้ายของการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐบาลทหาร นอกจากนี้มูลนิธิดังกล่าวยังทำหน้าที่เชิงรุกในการเผยแพร่ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย  มีการจัดทำแบบเรียนประวัติศาสตร์ มีหอจดหมายเหตุ และมีการจะหลักสูตรอบรมเพื่อนักวิชาการ นักวิจัยจากต่างประเทศ ทั้งยังมีการนำนักกิจกรรมทางสังคม และภาคประชาสังคมจากหลายประเทศมาเรียนรู้

ตลอดจนการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 และได้มอบรางวัลให้แก่บุคคลสำคัญของโลกที่มีบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน อาทิ นางอองซาน ซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของพม่า ชานานา กัสเมา อดีตประธานาธิบดีของติมอร์ตะวันออก ซึ่งในปีนี้บุคคลที่ได้รับรางวัลดังกล่าวคือ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดตั้งแต่มีการประกาศมอบรางวัลมา

ไผ่ คือสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ในเอเชียที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย

พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเอเชียตะวันออกของ The Asian Forum for Human Rights and Development (FORUM-ASIA) ได้ให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า ความสำคัญของรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนที่จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ได้รับนั้นเป็นรางวัลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยของชาวเมืองกวางจูในเดือนพฤษภาคม 1980 ซึ่งการต่อสู้นี้ แม้ว่าชาวเมืองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกสังหารนับพัน และถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ต่อมาอีกหลายสิบปี แต่การต่อสู้ของชาวเมืองกวางจูกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ขบวนการแรงงาน ชาวนา นักศึกษา และคนเกาหลีใต้เรือนล้านออกมาต่อสู้บนท้องถนนในปี 1987 หลังจากรัฐบาลเผด็จการได้ทรมานและสังหาร พัค ยอง-ชุล ผู้นำนักศึกษาในเดือนมกราคม 1987 จนเกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน

“ในปีนี้ ไผ่ จตุภัทร บุญภัทรรักษา ได้รับเลือกให้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ไม่เกินเลยถ้าจะพูดว่าไผ่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ในเอเชียที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย เหมือนที่ขบวนการนักศึกษาในเกาหลีใต้ทั้งในอดีตและปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” พิมพ์สิริ กล่าว

 

เรียบเรียงจาก

The may 18 memorial foundation

http://eng.518.org/

10 วันที่กวางจู” เกิดอะไรที่เกาหลี เมื่อปี 2523

https://www.matichon.co.th/news/144818

ใหญ่แค่ไหนก็ต้องติดคุกได้

http://thaipublica.org/2014/07/never-let-the-big-ones-above-law/

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

การลุกขึ้นสู้ของมวลมหาประชาชนชาวกวางจู

$
0
0


 

เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเป็นแขกรับเชิญของ Professor Na Khan-chae จาก Chonnam National University ไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวกวางจู เกาหลีใต้ กับการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวไทย ซึ่งการลุกขึ้นต่อสู้ของชาวกวางจูในครั้งอดีตเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1980 นั้น น่าสนใจมาก เพราะเป็นการลุกขึ้นต่อสู้ของคนทั้งเมืองจนมีคนตายและสูญหายกว่า 2,000 คนและเป็นผลทำให้โฉมหน้าของการเมืองเกาหลีใต้เปลี่ยนจากเผด็จการทหารมาเป็นประชาธิปไตยโดยพลเรือนในปัจจุบัน

การเมืองของเกาหลีใต้ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกว่าการลุกขึ้นสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวกวางจู หรือในภาษาอังกฤษว่า Gwangju Democratic Uprising นั้น เกาหลีใต้อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบเผด็จการของ Park Chung-hee(บิดาของ Park Geun-hye ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน)กว่าสองทศวรรษ แต่เขาได้ถูก Kim Jae-gyu ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติสังหารด้วยอาวุธปืนเมื่อ 26 ตุลาคม 1978 ซึ่งต่อมาได้เกิดรัฐประหารโดย Chun Doo Wan และ Roh Tae Woo โดยมีการประกาศกฎอัยการศึกทำให้นักศึกษาประชาชนไม่พอใจและมีการชุมนุมต่อต้านกันอย่างแพร่หลายและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการจับกุม Kim Dae-jung (ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี)ซึ่งเป็นชาวกวางจู

เหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้เริ่มขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม 1980 ได้มีการรวมตัวกันของนักศึกษาที่บริเวณหน้าChonnam National Universityเพื่อประท้วงคำสั่งปิดมหาวิทยาลัยทั่วประเทศและเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก แต่ฝ่ายทหารกลับส่งหน่วยรบพิเศษ(paratroopers)ที่ใช้สำหรับการทำสงครามโดยเฉพาะเข้าสลายการชุมนุม เป็นเหตุให้การปะทะกันและมีการสังหารประชาชนทั่วไปแม้กระทั่งผู้หญิงและเด็ก โดยฝ่ายทหารให้เหตุผลว่าเขาเหล่านั้นเป็นคอมมิวนิสต์หรือถูกเกาหลีเหนือยุงยงอยู่เบื้องหลัง ทำให้เหตุการณ์เกิดลุกลามไปทั่วเมือง

การลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจูมีจำนวนมากกว่า 200,000 คน จากที่ในขณะนั้นกวางจูมีประชากรประมาณ 700,000 คน(ปัจจุบัน 1.2 ล้านคน) โดยประชาชนรวมตัวกันเป็นกองกำลังติดอาวุธ(Citizen’s Army)ขึ้นต่อสู้ โดยมีฝ่ายสตรีซึ่งเป็นแม่บ้านทำข้าวปลาอาหารสนับสนุนเป็นเสบียง ประชาชนสามารถยึดศาลากลางจังหวัดและสถานีตำรวจตลอดจนศูนย์วัฒนธรรมอเมริกัน(US Cultural Center)โดยเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาให้ท้ายกองทหารที่ปราบปรามประชาชน และเผาสำนักงานสรรพากรเพราะนำภาษีของพวกเขาไปใช้ซื้ออาวุธมาเข่นฆ่าประชาชน พร้อมทั้งจัดตั้งสภาประชาชน(The General Citizen Settlement Committee)ขึ้นมาปกครองตนเอง แต่หลังจากนั้นกองกำลังฝ่ายรัฐบาลก็เข้าโจมตีพร้อมทั้งตัดเครือข่ายการสื่อสารทั้งหมด ในที่สุดเหตุการณ์ก็ยุติลงในวันที่ 26 พฤษภาคม โดยฝ่ายทหารได้สังหารและจับกุมนักศึกษาประชาชนไปจำนวนมาก

หลังจากนั้น Chun Doo Wan ก็ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ก็เต็มไปด้วยการต่อต้านและคำถามถึงการชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งบนชีวิตและกองเลือดของประชาชนทำให้เขาได้รับการกดดันให้อยู่ตำแหน่งเพียงวาระเดียว ซึ่งเหตุการณ์การต่อสู้ที่เมืองกวางจูนี้มีส่วนสำคัญในการปลุกให้ขบวนการเคลื่อนไหวตื่นตัวไปทั่วประเทศและประธานาธิบดี Roh Tae Woo คู่ขุนศึกซึ่งเมื่อขึ้นตำแหน่งประธานาธิบดีต้องประกาศให้การเคลื่อนไหวของชาวกวางจูเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อการเป็นประชาธิปไตย(Democratization movement)แทนที่จากเดิมที่เรียกว่าผู้ก่อการจราจลหรือกบฏ(riot or rebellion)และมีการจ่ายค่าชดเชยให้ผู้เสียและญาติ

แต่ก็ไม่สามารถสร้างความพอใจให้แก่ประชาชนได้ จนต่อมาได้มีการดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีทั้งสองคนคือ Chun Doo Wan และ Roh Tae Woo พร้อมกับพรรคพวก แต่อัยการได้ตัดสินใจไม่ฟ้องเพราะเกรงว่าจะสร้างความสับสนในระบบกฎหมายในขณะนั้นเพราะเห็นว่าการกระทำที่เกิดขึ้นในการรัฐประหารที่สำเร็จไม่ควรถูกนำกลับมาพิจารณาเพื่อลงโทษย้อนหลัง แต่เหมือนฟ้ามีตาเพราะได้มีการพบหลักฐานชิ้นใหม่ที่พบว่าอดีตประธานาธิบดีทั้งสองมีการสะสมทรัพย์สินที่ได้รับจากการติดสินบนไว้เป็นจำนวนมหาศาล จึงได้มีการออกกฎหมายเพื่อพิจารณาเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองกวางจูในวันที่ 18 พฤษภาคมเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีทั้งสองและพรรคพวกอีกครั้งหนึ่ง และทั้งสองก็ต่อสู้ว่าเป็นการออกกฎหมายย้อนหลัง แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสามารถกระทำได้โดยให้เหตุผลว่าความไม่ชอบด้วยกฎหมายของการรัฐประหารเป็นอันตรายร้ายแรงและจะต้องทำให้สังคมคลายความเคลือบแคลงสงสัยนี้

จากคำวินิจฉัยดังกล่าวอดีตประธานาธิบดีทั้งสองจึงถูกดำเนินคดี ซึ่งก็ต่อสู้คดีมาจนถึงศาลสูงสุดที่คำพิพากษาให้ Chun Doo Wan ถูกจำคุกตลอดชีวิตและ Roh Tae Woo ถูกจำคุก 17 ปี และที่เหลืออีกตามความหนักเบาของโทษ

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าแม้ในช่วงแรกประชาชนชาวกวางจูดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะถูกปราบจนเสียชีวิตและหายสาปสูญเป็นจำนวนมาก นักศึกษาประชาชนถูกศาลทหารตัดสินทั้งประหารชีวิตและจำคุกในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผลที่ตามภายหลังนั้นทำให้ประชาธิปไตยได้ถูกพัฒนาไปอย่างมาก และความจริงที่ถูกบิดเบือนได้ถูกทำให้กระจ่างขึ้นว่าใครทำอะไร และอย่างไร

แต่เมื่อหันมามองการลุกขึ้นสู้ของประชาชนชาวไทยแล้วจะเห็นได้ว่าแม้จะมีการลุกฮือของนักศึกษาประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลา 16,6 ตุลา 19,17 พฤษภา35,19 พฤษภา53 ยังไม่ทำให้ประชาธิปไตยไทยไปถึงไหน และล่าสุดคือการลุกขึ้นของมวลมหาประชาชนเมือพฤศจิกา 56 แต่เหตุการณ์ยังยืดเยื้อมาจนปัจจุบันนี้ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร

ฉะนั้น การลุกขึ้นของนักศึกษาประชาชนที่จะโค่นล้มระบอบเผด็จการไม่ว่าจะเป็นเผด็จการโดยทหารหรือพลเรือนก็ตามลงได้ จะต้องได้รับการเห็นพ้องต้องกันโดยส่วนใหญ่ ตราบใดที่สถานการณ์ของเมืองไทยยังเป็นอยู่ในปัจจุบันที่แบ่งเป็นสองขั้วใหญ่ๆเช่นในปัจจุบันนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ประชาธิปไตยไทยจะพัฒนาไปสู่จุดหมาย มีแต่จะถอยหลังเข้ารกเข้าพง แตกร้าว เป็นบาดแผลเจ็บลึกที่อีกไม่รู้กี่ปีจึงจะหาย

กล่าวโดยสรุปก็คือไม่ว่าฝ่ายใดจะกำชัยชนะ จะต้องทำให้ชนะเหนือจิตใจประชาชนให้ได้ก่อน ใครกำชัยชนะเหนือจิตใจประชาชนได้ ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

 

 

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 5 มีนาคม 2557

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ประท้วงหอศิลป์เกาหลีใต้จัดแสดงศิลปะ กปปส. เพื่อรำลึก 36 ปีสลายชุมนุมกวางจู

$
0
0

บุคคลหลายวงการในไทยเขียนจดหมายเปิดผนึกเพื่อทักท้วงภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ กรณีนำผลงานของศิลปินยุค กปปส. ปิดกรุงเทพฯ ไปจัดแสดงเพื่อรำลึก 36 ปีเหตุสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกวางจูปี 1980 ด้านภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงเพราะนึกว่าเหมือนศิลปะเกาหลียุค 80 โดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เผยถูกท้วงติงหนักจากหลายฝ่าย เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่

โปสเตอร์งาน 'The Truth_ to Turn It Over' (ที่มา: Artmuse.gwangju.go.kr)

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

 

16 พ.ค. 2559 กรณีพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู เชิญสุธี คุณาวิชยานนท์ ร่วมแสดงผลงานศิลปะในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over'(อ่านรายละเอียด)ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการมีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยนอกจากผลงานของสุธี ยังมีผลงานของศิลปินอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ปักแทคู จากเกาหลีใต้ มันกู ปุตรา จากอินโดนีเซีย เลองอกทันและเลอดุกไฮ จากเวียดนาม และเรอนาโท หาบูลาน จากฟิลิปปินส์นั้น

อย่างไรก็ตาม มีกระแสวิจารณ์ในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าผลงานแสดงของสุธีบางส่วน เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านประชาธิปไตยและปูทางไปสู่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

สำหรับผลงานแสดงของสุธี ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ส่วนแรก คือ "กระดานดำกวางจู"โดยนำมาจากผลงานชุด "ห้องเรียนประวัติศาสตร์ภาค 2"ที่สุธีเคยจัดแสดงผลงานดังกล่าวมาก่อน เมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นภาพแกะสลักบนโต๊ะนักเรียนที่ทำจากไม้ 23 ตัว แสดงเหตุการณ์ 23 แห่ง โดยในการแสดงที่กวางจู สุธีได้เลือกโต๊ะไปทำการแสดง 6 ตัว นอกจากนี้เขายังร่วมกับศิลปินเกาหลีใต้ วาดภาพบนกระดานดำร่วมกันโดยด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และอีกด้านการเหตุการณ์กวางจูเดือนพฤษภาคม 2523

"ผลงาน "กระดานดำกวางจู"ผมต้อง "เลือกจำ"คัดตัดตอนมาเฉพาะประวัติศาสตร์ 1 หน้าในความทรงจำทางการเมืองไทย 14 ตุลา 16 เบลอปะปนไปกับ 18 พฤษภาคม 1980 โศกนาฏกรรมทางการเมืองของเกาหลีใต้ที่เมืองกวางจู ที่มีทั้งความคล้ายและความต่างสองเรื่องสองเหตุการณ์ถูกเขียนแล้วลบแล้วเขียนอีก จนมันเบลอ เข้าหากันในกระดานแห่งความทรงจำเดียวกัน อีกชิ้นโต๊ะนักเรียนในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ก็จำเป็นต้องถูก "เลือกจำ"เช่นกัน จากโต๊ะ 23 ตัว เกือบ 20 เหตุการณ์ คัดเหลือแค่ 6 ตัว ประมาณ 6 เหตุการณ์"สุธีระบุตอนหนึ่งในสเตตัสเฟซบุ๊คที่เขาพูดถึงผลงานแสดงศิลปะ

สำหรับผลงานศิลปะส่วนที่ถูกทักท้วง คือ "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน"(อ่านรายละเอียด)ซึ่งเป็นผลงานศิลปะของสุธีระหว่างการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการชุมนุม กปปส. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง ปลายเดือนมกราคม 2557 โดยมีข้อความที่ปรากฏในโปสเตอร์เช่น "ปฏิรูปก่อน""ไทยอย่าเฉย""ยึดคืนประเทศไทย""อย่ากลับด้านประเทศไทย"โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีถูกนำมาประมูลเพื่อระดมทุนสำหรับการต่อสู้ในช่วงนั้นด้วย

ทั้งนี้ หลังวันเปิดแสดงผลงานศิลปะเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บุคคลในวงการต่างๆ ในประเทศไทย ได้ส่งจดหมายทักท้วงไปยัง ลิม จงยอง ผู้ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ 'The Truth_to Turn It Over'

โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขา

"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น"จดหมายของธนาวิตอนหนึ่งระบุ

ขณะเดียวกันในวันนี้ (16 พ.ค.) มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจาก "นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย" (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู กรณีนำผลงานของ รศ.สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"โดยมีการลงชื่อท้ายจดหมายโดยบุคคล 118 ราย ประกอบด้วยศิลปิน ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียน สื่อมวลชน นักวิชาการ ฯลฯ ในไทย สอบถามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู

"ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557"

"แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม"

"พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู"ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ

 

ภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงโดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่

ล่าสุดในเว็บ penseur21.com (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) Lee Yu Kyung ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าว โดยเขาย้ำว่าเขารู้สึกชื่นชมผลงานแนวสตรีทอาร์ทของสุธี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้กับศิลปะแนวประชาชนของเกาหลีใต้ในยุคทศวรรษที่ 1980 โดยเขาให้พิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงในเรื่องนัยยะทางการเมือง

"ผมไม่ได้คาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากประเทศไทยขนาดนี้ เราได้รับคำท้วงติงมาจากบุคคลหลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากมูลนิธิ 518 (มูลนิธิในเกาหลีใต้ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้ที่กวางจู) พวกเราจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ พวกเราอาจพิจารณาที่จะถอนงาน 1 ใน 4 เรื่องของสุธี ซึ่งเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงของ กปปส. แต่เราต้องได้รับความยินยอมจากศิลปิน เราจะไม่ทำโดยฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของพวกเราร่วมกัน" ลิม จงยอง กล่าวเพิ่มเติม

 

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

 

000

จดหมายเปิดผนึกของธนาวิ โชติประดิษฐ เมื่อ 12 พ.ค. 2559 (ฉบับแปลอย่างไม่เป็นทางการ)

เรียน คุณลิมจงยอง

ข้าพเจ้าเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปินชาวไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯ และผู้สังเกตการณ์ศิลปะร่วมสมัยของไทย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายมายังท่านต่อเรื่องนิทรรศการ 'The Truth_To Turn It Over'โดยในการคัดเลือกผลงานของคุณ ที่ได้เลือกงาน 'Thai Uprising'ของสุธี คุณาวิชยานนท์ สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับการรำลึกถึง 36 ปี ของขบวนการประชาธิปไตย 18 พฤษภาคมนั้น วันนี้ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวไทย โดยจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่จดหมายสำหรับศิลปิน แต่เป็นจดหมายถึงภัณฑารักษ์ผู้รวบรวมผลงานแสดง

อาร์ทเลน (Art Lane) เป็นส่วนหนึ่งของการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ไม่เพียงแค่เป็นการประท้วงกฎหมายนิรโทษกรรมสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในปี 2556 เท่านั้น แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่การรัฐบาล ผลงานชุด "Thai uprising"ในปี 2556-2557 ที่คุณเลือก แสดงออกอย่างชัดเจนว่าคือการต่อต้านรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เคียงข้างไปกับศิลปินอื่นๆ ของมหาวิทยาศิลปากร และศิลปินที่แสดงผลงานทางการเมือง สุธีมีบทบาทอยู่ในขบวนการต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาระดมทุนเพื่อ กปปส. กลุ่มกดดันทางการเมืองที่นำโดยอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ และเมื่อกองทัพยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารในปี 2557 ศิลปินเหล่านี้ก็ต้อนรับการรัฐประหารนี้

พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารนับตั้งแต่นั้น แน่นอนศิลปินทั้งหลาย ทั้งเขาและเธอมีสิทธิเลือกข้าง และแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อจุดยืนทางการเมืองของสุธี ข้าพเจ้าก็เคารพเขาด้วยความจริงใจที่เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาชัดเจน (ข้าพเจ้าตระหนักเป็นอย่างดีว่าสถานการณ์ของกลุ่มอื่นมีความต่างกัน ประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่เสรีและยุติธรรมพอสำหรับการพูดและการแสดงออก) เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ "2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace"จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่

ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น

ด้วยความนับถือ
ธนาวิ โชติประดิษฐ

จดหมายเปิดผนึกจาก “นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู - กรณีนำผลงานของ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’

สืบเนื่องจากที่ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินไทยได้ร่วมแสดงนิทรรศการชุด ‘The Truth_ to Turn It Over’ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู พวกเราขอแสดงความกังวลเกี่ยวเนื่องกับแนวทางศิลปะของเขา กับจุดยืนทางการเมือง และจิตวิญญาณการต่อสู้ของชาวกวางจู เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสุธีเข้าร่วมกับ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.) ซึ่งนำมาสู่วิกฤตทางการเมืองและรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กปปส. เป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีการปิดถนนหลายสายในกรุงเทพฯ ปิดสำนักงานของรัฐบาล รวมถึงปิดกั้นไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2557 กปปส. กล่าวหาว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดที่ยากจนและไร้การศึกษา ดังนั้นคนเหล่านี้จึงถูกซื้อจากนักการเมืองได้ และพวกเขายังเชื่อว่าการเลือกตั้งทั่วไปปี 2557 เป็นเพียงการรักษาอำนาจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น ในขณะที่ กปปส. ปฏิเสธการเจรจากับตัวแทนรัฐบาล แต่กลับเรียกร้องให้มีการตั้งรัฐบาลพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยวิธีการต่าง ๆ การกระทำของพวกเขานำมาซึ่งการเข้าแทรกแซงของทหาร ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่นั้นมา

กปปส. มองข้ามข้อเท็จจริงว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. เป็นอดีตรองนายกฯในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้กองทัพสลายการชุมนุมของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ซึ่งชุมนุมประท้วง ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ศาลไทยได้มีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทหารไทยใช้อาวุธยิงประชาชน ขณะที่ผู้ชุมนุม นปช. ถูกคุมขังและพิพากษาว่าละเมิดกฎหมาย สุเทพและสมาชิกคณะรัฐมนตรียังคงลอยนวล เหลือไว้เพียงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ได้มีเพียงผู้ชุมนุม นปช. เท่านั้นที่ถูกฆ่าและถูกขัง แต่ยังรวมถึงประชาชนธรรมดาที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองใด ๆ นักวิชาการบางคนเปรียบเทียบเหตุการณ์ 10 เมษาฯ – 19 พฤษภาฯ ว่าคล้ายกับการที่ชุนดูฮวาน (อดีตผู้นำเผด็จการเกาหลีใต้-ผู้แปล) ปราบปรามการลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจู ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิจำนวนมากเชื่อว่าสมควรแล้วที่ผู้ชุมนุม นปช. จะถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง

หลังการปราบปราม รัฐบาลอภิสิทธิยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย (ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิก นปช.) ได้รับเลือกและกลายเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสุเทพ กลายเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามที่จะหาหนทางสร้างความปรองดองโดยร่าง พรบ.นิรโทษกรรม รัฐบาลของเธอล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียงและก่อให้เกิดความโกรธแค้นจากหลายฝ่าย รวมถึง กปปส. แล้วประชาธิปไตยของประเทศไทยก็หยุดชะงักนับแต่นั้นมา

ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557

แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม

พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู

ด้วยความสมานฉันท์

นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)
ดังรายชื่อแนบท้าย

1. Abhichon Rattanabhayon Media Studio
2. Akara Pacchakkhaphati Film Maker
3. Angkrit Ajchariyasophon Artist/Gallerist
4. Anocha Suwichakornpong Film Maker
5. Anusorn Tipayanon Writer
6. Aranya Siriphon Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University
7. ArjinJonathan Arjinkit Artist/Lecturer, Rajanagarindra Rajabhat University
8. Arnont Nongyao Artist
9. Arthit Suriyawongkul Activist
10. Artit Srijan Writer/Lecturer, Suan Sunandha Rajabhat University 
11. Athapol Anunthavorasakul Lecturer, Chulalongkorn University
12. Atikom Mukdaprakorn Artist/Cultural Activist
13. Ben Busarakamwong Cultural Activist
14. Cattleya Paosrijaroen Film Maker
15. Chai Siris Film Maker
16. Chakkrit Chimnok Artist
17. Chettapat Kueankaeo Theater Director
18. Chiranuch Premchaiporn Director of Prachatai
19. Chontida Auikool Thammasat University
20. Chuwat Rerksirisuk Editor in Chief of Prachatai
21. Danaya Chulphuthiphong Historian
22. Ded Chongmankong Photographer
23. Dontree Siribunjongsak Musician
24. Duangrurthai Asanachatang Editor
25. Ekanop Suwannakosum Graphic Designer/Lecturer, Chiang Mai University
26. Farida Jiraphan Performer
27. Gandhi Wasuvitchayagit Writer
28. Inthira Vittayasomboon Cultural Activist
29. Janit Feangfu Lecturer, Chiang Mai University
30. Jirasak Monkiatkul Interior Designer
31. Jirat Prasertsup Cultural Activist 
32. Kahat Sujipisut Artist
33. Kasem Phenpinant Department of Philosophy, Chulalongkorn University 
34. Kavintron Sangsakron Performer
35. Keawalee Warutkomain Art Director
36. Kittima Chareeprasit Curator
37. Komtham Domrongchareon Lecturer, Silpakorn University
38. Kongkrit Traiyawong Lecturer, Walailak University
39. Kornkrit Jianpinidnan Artist
40. Kriangkrai Patomnetikul Photographer
41. Krit Lualamai Writer 
42. Ladapha Sophonkunkit Performer
43. Ladda Kongdach Performer
44. Lakkana Punwichai Writer 
45. Latthapon Korkiatarkul Artist
46. Lyla Phimanrat Gallerist
47. Mit Jai-in Artist
48. Miti Ruangkritya Artist
49. Mo Jirachaisakul Ceramic Artist
50. Montri Toemsombat Artist
51. Namfon Udomlertlak Film Maker
52. Narawan Pathomvat Researcher 
53. Nataya U-Kong Lecturer, Silpakorn University 
54. Nawapooh Sae-tang Critic
55. Nithinand Yorsaengrat Reporter 
56. Nok Paksanavin Writer
57. Nopawat Likitwong Sound Artist/Sound Engineer
58. Noraset Vaisayakul Artist
59. O Techadilok Graphic Designer
60. Orawan Arunrak Artist
61. Pakavadi Veerapasapong Writer 
62. Pandit Chanrochanakit Faculty of Political Science, Ramkhamhaeng University
63. Panu Boonpipattanapong Freelance Writer
64. Paphonsak La-or Artist
65. Parinot Kunakornwong Artist
66. Pasakorn Intoo-Marn Performer/Lecturer, Mahidol University
67. Pathompon Tesprateep Artist
68. Pavinee Samakkabutr Performance Artist
69. Pawaluk Suraswadi Performer
70. Pawin Ramingwong Artist/Lecturer, Phayao University
71. Pichaiwat Saengprapan Artist/Lecturer, Srinakarinwirot University
72. Pimsiri Petchnamrob Activist
73. Pinkaew Laungaramsri, Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University 
74. Pisitakun Kuantalaeng Artist
75. Pitch Pongsawat Faculty of Political Science, Chulalongkorn University
76. Piyarat Piyapongwiwat Artist
77. Pongjit Saphakhun Performer
78. Potjawan Panjinda Art Center Manager
79. Prapat Jiwanrangsan Artist
80. Pratompong Namjaidee Artist
81. Puangthong Pawakapan Faculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University 
82. Rattanai Bampenyou Musician
83. Rodjaraeg Wattanapanit Cultural Activist
84. Ruangsak Anuwatwimon Artist
85. Santiphap inkong-ngam Film Maker/Lecturer, Chiang Mai University
86. Sawit Prasertphan Artist/Lecturer, Chiang Mai University
87. Sina Wittayawiroj Artist
88. Siripoj Laomanacharoen Writer 
89. Sompoch Aung Artist
90. Sorayut Aiemueayut Lecturer, Chiang Mai University
91. Suchart Swasdsri Writer 
92. Sukanya Seskhuntod Cultural Activist
93. Sutthirat Supaparinya Artist
94. Tada Hengsapkul Artist
95. Teerapong Suthiwarapirak Writer
96. Teerawat Mulvilai Performance Artist
97. Thanavi Chotpradit Art Historian/Critic/Lecturer, Silpakorn University
98. Thanom Chapakdee Faculty of Fine Arts, Srinakharinwirot University
99. Tharit Tothong Critic
100. Thasnai Sethaseree Artist/Lecturer, Chiang Mai University
101. Thatchatham Silsupan Composer/Lecturer, Chiang Mai University
102. Thawiphat Praengoen Artist/Cultural Activist
103. Thitibodee Rungteerawattananon Artist
104. Uthis Haemamool Writer
105. Uthit Attimana Artist/Lecturer, Chiang Mai University
106. Vichapon Diloksambandh Performer
107. Viengrat Nethipo Faculty of Political Science Faculty, Chulalongkorn University 
108. Vipash Purichanont Department of Visual Cultures, Goldsmiths, University of London
109. Wichanon Somumjarn, Independent Filmmaker 
110. Vorakorn Ruetaivanichkul Film Maker
111. Warasinee Chansawang Gallery Manager
112. Weroon Wuthirithakul Cultural Activist
113. Wichanon Somumjarn Independent Filmmaker 
114. Wirapa Angkoontassaniyarat Writer
115. Wiwat Lertwiwatwongsa Film Critic
116. Yingsiwat Yamolyong Film Maker
117. Yukti Mukdawijitra Faculty of Sociology and Anthropology, Thammasat University
118. Yutthana Darakron Cultural Activist
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

ค้านเกาหลีปลดงานศิลป์-สุธียันไม่หนุนรัฐประหาร-ที่เงียบไปเพราะบ้านเมืองขัดแย้ง

$
0
0

กรณี 118 รายชื่อยื่น จม. หอศิลป์เกาหลีใต้นำผลงานศิลปินยุค กปปส. ปิดกรุงเทพฯ จัดแสดงรำลึก 36 ปีเหตุสลายการชุมนุมที่กวางจู ล่าสุดเจ้าของผลงาน สุธี คุณาวิชยานนท์ ชี้แจง 'มติชน'ทราบเรื่องจดหมายแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านเพราะติดสอนทั้งวัน และชี้แจงหอศิลป์เกาหลีใต้แล้วว่าไม่ได้สนับสนุนรัฐประหาร แต่ต้านนิรโทษกรรม-คอรัปชั่น

รับระดมทุนให้ กปปส. จริง แต่ไม่ใช่ กปปส. แค่มีแนวคิดบางอย่างร่วมกัน ที่ผ่านมาเงียบไป เพราะไม่สนับสนุนรัฐประหาร ยอมรับว่าไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ขอยืนยันว่าอยากให้ปฏิรูป บ้านเมืองขัดแย้งมาเยอะ เลยไม่อยากไปเพิ่มความขัดแย้ง อยากให้ประเทศสงบ มีทางออก แต่ถ้าคณะรัฐประหารทรยศประชาชนก็อีกเรื่องหนึ่ง ควรต้องเคลื่อนไหวต่อไป

สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด  'Thai Uprising'ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)

งานแสดงของสุธีช่วงชัตดาวน์กรุงเทพฯ 13 ม.ค. 2557 (ที่มา: Rama9Art)

โดยในคำชี้แจงวันนี้ (17 พ.ค.) ของสุธี คุณาวิชยานนท์ รองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้กล่าวกับ มติชนออนไลน์ว่า ทราบข่าวเรื่องจดหมายเปิดผนึกแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสอ่าน เพราะติดงานสอนตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตาม เขาได้รับอีเมลล์จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งได้ชี้แจงกลับไปเรียบร้อยแล้ว โดยขอยืนยันว่า ไม่เคยสนับสนุนรัฐประหาร การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา เป็นการต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย และการคอรัปชั่นของนักการเมือง ซึ่งผลงานที่นำไปจัดแสดง เป็นบันทึกเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น โดยเป็นงานเก่าตั้งแต่ปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 ที่นำมาทำใหม่ ซึ่งหากทางพิพิธภัณฑ์จะปลดผลงานส่วนหนึ่ง เขาจะขอคัดค้าน เพราะไม่มีเหตุผลจะถูกปลด

“ผมและเพื่อนๆกลุ่ม Art Lane ซึ่งมีทั้งศิลปิน นักร้อง นักแสดง เรียกร้องการปฏิรูป ไม่ใช่รัฐประหาร ทำไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีใครหนุนหลัง ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพรรคการเมือง เราทำของเราเอง กรณีที่มีการทำเสื้อยืดและของที่ระลึกขาย ก็มอบรายได้ให้กลุ่มไปแล้วเขาไปจัดการกันเอง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมีการใช้สนับสนุนกิจกรรมการเคลื่อนไหว และมอบให้กปปส. จริง แต่ผมไม่ใช่สมาชิกกลุ่มกปปส.แค่มีแนวคิดบางอย่างร่วมกัน เช่น ต้านรัฐบาลที่ทุจริต ค้านนิรโทษกรรมสุดซอย

งานในนิทรรศการก็เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ในบริบทนั้นๆว่าเป็นอย่างไร เป็นงานที่ทำตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ไม่ถามหรือว่าหลังรัฐประหารทำไมผมเงียบ ก็เพราะไม่สนับสนุน ยอมรับว่าผิดหวัง ไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจ ยังยืนยันว่าอยากให้ปฏิรูป แต่พอเกิดรัฐประหาร ก็รอดูไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป บ้านเมืองขัดแย้งมาเยอะ เลยไม่อยากไปเพิ่มความขัดแย้ง อยากให้ประเทศสงบ มีทางออก แต่ถ้าคณะรัฐประหารทรยศประชาชนก็อีกเรื่องหนึ่ง ควรต้องเคลื่อนไหวต่อไป”  สุธีกล่าว และว่าหลังทราบข่าวการส่งจดหมายเปิดผนึก ยอมรับว่าไม่สบายใจ เพราะตนไม่ใช่นักการเมือง หรือนักเคลื่อนไหวมืออาชีพ แต่มีศิลปินและเพื่อนอาจารย์คอยให้กำลังใจ

 

ผลงานแสดงที่กวางจู ของสุธี คุณาวิชยานนท์ และการทักท้วง

สำหรับผลงานแสดงของสุธี ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ส่วนแรก คือ "กระดานดำกวางจู"โดยนำมาจากผลงานชุด "ห้องเรียนประวัติศาสตร์ภาค 2"ที่สุธีเคยจัดแสดงผลงานดังกล่าวมาก่อน เมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นภาพแกะสลักบนโต๊ะนักเรียนที่ทำจากไม้ 23 ตัว แสดงเหตุการณ์ 23 แห่ง โดยในการแสดงที่กวางจู สุธีได้เลือกโต๊ะไปทำการแสดง 6 ตัว นอกจากนี้เขายังร่วมกับศิลปินเกาหลีใต้ วาดภาพบนกระดานดำร่วมกันโดยด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และอีกด้านการเหตุการณ์กวางจูเดือนพฤษภาคม 2523

"ผลงาน "กระดานดำกวางจู"ผมต้อง "เลือกจำ"คัดตัดตอนมาเฉพาะประวัติศาสตร์ 1 หน้าในความทรงจำทางการเมืองไทย 14 ตุลา 16 เบลอปะปนไปกับ 18 พฤษภาคม 1980 โศกนาฏกรรมทางการเมืองของเกาหลีใต้ที่เมืองกวางจู ที่มีทั้งความคล้ายและความต่างสองเรื่องสองเหตุการณ์ถูกเขียนแล้วลบแล้วเขียนอีก จนมันเบลอ เข้าหากันในกระดานแห่งความทรงจำเดียวกัน อีกชิ้นโต๊ะนักเรียนในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ก็จำเป็นต้องถูก "เลือกจำ"เช่นกัน จากโต๊ะ 23 ตัว เกือบ 20 เหตุการณ์ คัดเหลือแค่ 6 ตัว ประมาณ 6 เหตุการณ์"สุธีระบุตอนหนึ่งในสเตตัสเฟซบุ๊คที่เขาพูดถึงผลงานแสดงศิลปะ

สำหรับผลงานศิลปะส่วนที่ถูกทักท้วง คือ "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน" (อ่านรายละเอียด) ซึ่งเป็นผลงานศิลปะของสุธีระหว่างการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการชุมนุม กปปส. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง ปลายเดือนมกราคม 2557 โดยมีข้อความที่ปรากฏในโปสเตอร์เช่น "ปฏิรูปก่อน""ไทยอย่าเฉย""ยึดคืนประเทศไทย""อย่ากลับด้านประเทศไทย"โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีถูกนำมาประมูลเพื่อระดมทุนสำหรับการต่อสู้ในช่วงนั้นด้วย

ทั้งนี้ หลังวันเปิดแสดงผลงานศิลปะเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บุคคลในวงการต่างๆ ในประเทศไทย ได้ส่งจดหมายทักท้วงไปยัง ลิม จงยอง ผู้ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ 'The Truth_to Turn It Over'อาทิ ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากรเขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขา

"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น" จดหมายของธนาวิตอนหนึ่งระบุ

ขณะเดียวกันในวันนี้ (16 พ.ค.) มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจาก "นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย" (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู กรณีนำผลงานของ รศ.สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’"โดยมีการลงชื่อท้ายจดหมายโดยบุคคล 118 ราย ประกอบด้วยศิลปิน ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียน สื่อมวลชน นักวิชาการ ฯลฯ ในไทย สอบถามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู

"พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู"ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ในเว็บ penseur21.com (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) Lee Yu Kyung ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าว โดยเขาย้ำว่าเขารู้สึกชื่นชมผลงานแนวสตรีทอาร์ทของสุธี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้กับศิลปะแนวประชาชนของเกาหลีใต้ในยุคทศวรรษที่ 1980 โดยเขาพิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงในเรื่องนัยยะทางการเมือง

"ผมไม่ได้คาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากประเทศไทยขนาดนี้ เราได้รับคำท้วงติงมาจากบุคคลหลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากมูลนิธิ 518 (มูลนิธิในเกาหลีใต้ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้ที่กวางจู) พวกเราจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ พวกเราอาจพิจารณาที่จะถอนงาน 1 ใน 4 เรื่องของสุธี ซึ่งเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงของ กปปส. แต่เราต้องได้รับความยินยอมจากศิลปิน เราจะไม่ทำโดยฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของพวกเราร่วมกัน" ลิม จงยอง กล่าวเพิ่มเติม

 

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai

แพทย์เวียดนามผู้ถูกจองจำ-และกลุ่ม BERSIH 2.0 ได้รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน

$
0
0

รำลึก 36 ปีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเกาหลีใต้-มอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนประจำปี 2016 แก่ (1) นพ.เหงียนตันคี ผู้ถูกขังลืม/ส่งไปใช้แรงงานหนัก เหตุเรียกร้องการเลือกตั้งเสรีในเวียดนาม และ (2) พันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม 'เบอเซะ 2.0'จากมาเลเซีย ด้านรัฐบาลเวียดนามทำหนังสือประท้วง ส่วน ตม.มาเลเซียสกัด 'มาเรีย ชิน อับดุลลา'ประธานเบอเซะ 2.0 ไม่ให้เดินทางมารับรางวัล

18 พ.ค. 2559 มีรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่า มาเรีย ชิน อับดุลลา ประธานพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม หรือ เบอเซะ 2.0 (BERSIH 2.0) ซึ่งเตรียมเดินทางไปเมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อรับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2016 (2016 Gwangju Prize for Human Rights) ในนามของกลุ่มเบอเซะ 2.0 นั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ห้ามไม่ให้ประธานเบอเซะ 2.0 เดินทางออกนอกประเทศ

 

 

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ในเว็บไซต์ Freemalaysiatoday รมช.กระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย นุร์ จัชลัน โมฮัมหมัด (Nur Jazlan Mohamed) ได้ชี้แจงเหตุดังกล่าวว่า ตามกฎหมายคนเข้าเมือง แผนกตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจห้ามไม่ให้บุคคลใดออกนอกประเทศโดยไม่ต้องให้คำอธิบายก็ได้

 

รางวัลกวางจูปี 2016 มอบให้แพทย์ชาวเวียดนามและองค์กรมาเลเซียที่รณรงค์เลือกตั้งเสรีและยุติธรรม

ผู้ได้รับรางวัล "กวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน"ประจำปี 2016 (ซ้าย) นพ.เหงียนตันคี ชาวเวียดนาม และ (ขวา) ส่วนหนึ่งของผู้ชุมนุมเบอเซะ ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเลือกตั้งของมาเลเซีย ในภาพเป็นการชุมนุมในกรุงเทพมหานครเมื่อปี 2555 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมเบอเซะทั่วโลก คู่ขนานไปกับการชุมุนมในมาเลเซีย (ที่มา: truongsahoangsa.info/ประชาไท)

 

ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิอนุสรณ์สถาน 18 พฤษภาคม (May18 Memorial Foundation) ของเกาหลีใต้ได้เริ่มมอบ “รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน” (Gwangju Prize for Human Rights) แก่ นักสิทธิมนุษยชนเพื่อเป็นการรำลึกและสืบทอดอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวเกาหลีที่ต่อสู้กับเผด็จการทหาร เป็นระยะเวลายาวนาน และเผชิญกับการปรามปรามอย่างโหดเหี้ยมทารุณจากกองทัพ

โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ประกาศว่าผู้ได้รับ "รางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน"ประจำปี 2016 มี 2 ตำแหน่ง ได้แก่ 1. นพ.เหงียนตันคี (Nguyen Dan Que) และ 2. พันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรม หรือ เบอเซะ 2.0 (Bersih 2.0) (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

แพทย์เวียดนาม-นักโทษทางความคิดผู้เรียกร้องให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์จัดการเลือกตั้งเสรี

สำหรับ นพ.เหงียนตันคี เป็นชาวเวียดนามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2495 ที่ไซ่ง่อน ปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ซิตี ในปี พ.ศ. 2519 โดยเขาถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามจับและขังลืมโดยไม่มีการสอบสวนหรือตั้งข้อหา ก่อนได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2531

เมื่อถูกปล่อยตัวก็ นพ.เหงียนตันคี ก็รณรงค์ให้ประชาชนเวียดนามมีเสรีภาพในการเลือกรูปแบบรัฐบาล ผ่านการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม จึงถูกจับกุมตัวอีกครั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2533  โดยในช่วงที่ถูกจับกุมตัว นพ.เหงียนตันคี ถูกทรมานและถูกจองจำโดยไม่มีการตั้งข้อหา จนในเดือนพฤศจิกายน 2534 เขาถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาพยายามโค่นล้มรัฐบาลเวียดนาม และถูกตัดสินให้ใช้แรงงานหนัก 20 ปี และกักบริเวณ 5 ปี โดยในช่วงถูกใช้แรงงานหนักมีวุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกาพยายามเข้าพบเขาแต่ถูกรัฐบาลเวียดนามปฏิเสธ อย่างไรก็ตามในปี 2541 เขาได้รับการปล่อยตัว

ในเดือนพฤษภาคม 2542 เขาออกแถลงการณ์เรียกร้องการเลือกตั้งเสรีเพื่อให้มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และในเดือนมีนาคม 2546 เขาถูกจับกุมเนื่องจากเขียนบทความเกี่ยวกับการปิดกั้นสื่อในเวียดนาม โดยรัฐบาลกล่าวหาว่าเขาทำการจารกรรม ในเดือนมกราคม 2547 ศาลประชาชนโฮจิมินห์ตัดสินว่าเขาละเมิดสิทธิประชาธิปไตยด้วยการบ่อนทำลาย ผลประโยชน์แห่งชาติ สิทธิอันชอบธรรม และผลประโยชน์ขององค์กรทางสังคมและพลเมือง โดยถูกตัดสินจำคุก 30 เดือน และในเดือนกันยายน 2547 เขาถูกส่งไปใช้แรงงานหนักในค่ายกักกันต่างจังหวัด และต่อมาได้รับการอภัยโทษในเดือนมกราคม 2548

ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เขาได้โพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ตเรียกร้องให้ชาวเวียดนามออกมาเดินขบวนเหมือนอาหรับสปริง เรียกร้องให้มีการ "กวาดล้าง"เผด็จการคอมมิวนิสต์ และสร้างเวียดนามที่มีเสรี ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และมีความก้าวหน้า ทำให้เขาถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว บุกค้นบ้านโดยเจ้าหน้าที่อ้างว่ายึดเอกสารต่อต้านรัฐบาลได้นับพันฉบับ โดยเขาถูกควบคุมตัวนับแต่นั้น

 

รัฐบาลเวียดนามทำหนังสือค้านการรับรางวัล ระบุเป็นผู้ละเมิดกฎหมาย

ทั้งนี้ในช่วงที่ นพ.เหงียนตันคี ได้รับอิสรภาพ เขาไม่เคยคิดเลิกล้มการต่อสู้ เขาได้ก่อตั้ง "เครือข่ายบล็อกเกอร์เวียดนาม"และ "สมาคมสตรีเวียดนามเพื่อสิทธิมนุษยชน"ในปี 2556 และในช่วงเริ่มต้นปี 2557 นพ.เหงียนตันคี ได้เรียกร้องนักโทษทางความคิดทั้งหมดในเวียดนามให้รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อรณรงค์สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเวียดนาม โดยเขาและเพื่อนได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมอดีตนักโทษทางความคิด

ทั้งนี้รัฐบาลเวียดนามได้ทำหนังสือคัดค้านการได้รับรางวัลดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีเหตุผลที่จะมอบรางวัลให้กับผู้ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะละเมิดกฎหมายความมั่นคงของเวียดนาม (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

 

ขบวนชุมนุมใหญ่ในมาเลเซียหนุนปฏิรูปการเลือกตั้งให้เสรีและยุติธรรม

ส่วนพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม (BERSIH 2.0) หรือ เบอเซะ 2.0 (BERSIH แปลว่า สะอาด ในภาษามลายู) ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งในมาเลเซีย 8 ข้อเช่น ให้ปรับปรุงระเบียบการเลือกตั้ง ให้ปฏิรูประบบลงคะแนนทางไปรษณีย์ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่โปร่งใส เรียกร้องให้ใช้หมึกที่ลบไม่ออกในการลงคะแนน อนุญาตให้ทุกพรรคการเมืองเข้าถึงสื่อสารมวลชน ยุติการเมืองสกปรก ฯลฯ

โดยการชุมนุม BERSIH เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อ 10 พ.ย. 2550 และมีการชุมนุม "BERSIH 2.0"เมื่อ 9 ก.ค. ปี 2554 ส่วนการชุมนุม "BERSIH 3.0"เกิดขึ้นเมื่อ 28 เม.ย. 2555 โดยทุกครั้งจบลงด้วยการสลายการชุมนุมโดยตำรวจมาเลเซีย

อย่างไรก็ตามการชุมนุมในเดือนสิงหาคมปี 2558 ที่ผ่านมา ที่กลุ่มเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก ลาออก หลังถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซีย "วันมาเลเซียเดเวลอปเมนท์ เบอรฮาด"หรือ 1MDB ผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้โดยไม่ถูกสลายการชุมนุมแต่อย่างใด

 

มอบรางวัลให้ นพ.เหงียนตันคี และเบอเซะ 2.0 เพราะทำให้คุณค่าสิทธิมนุษยชนและสันติภาพเป็นจริง

โดยคณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงว่า กลุ่มเบอเซะ 2.0 เป็นตัวอย่างหนึ่งของพลังของประเทศที่เผชิญกับสิ่งท้าทายที่ก่อตัวขึ้นในรัฐ กลุ่มเบอเซะ 2.0 ได้เรียกร้องการปฏิรูปการเลือกตั้งและทำให้สิ่งนี้เป็นวาระแห่งชาติ สิ่งนี้ทำให้พวกเขารวมตัวกันบนท้องถนนเพื่อข้อเรียกร้องร่วมกันคือ การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม การชุมนุมขนาดใหญ่ได้หยิบยกประเด็นทางการเมืองขึ้นมา รวมไปถึงลดช่องว่างทางวัฒนธรรม ศาสนา และช่องว่างระหว่างชาติพันธุ์ การชุมนุมเบอเซะได้สร้างความตระหนักของพลเมืองมาเลเซีย ต่อสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลและสิ่งที่เป็นที่วิพากษ์ในระบบเลือกตั้ง ทำให้พวกเขามีความหวังที่จะรวมชาติเป็นหนึ่ง

"คณะกรรมการพบว่าคุณค่าของสิทธิมนุษชนและสันติภาพถูกทำให้เป็นจริงโดย นพ.เหงียนตันคี และเบอเซะ 2.0 พวกเรายกย่องการทำงานของ นพ.เหงียน แม้ภายหลังจะถูกจองจำอย่างโหดร้าย ซึ่งสิ่งนั่นสร้างแรงบันดาลใจส่งต่อไปยังภูมิภาคเอเชีย มากไปกว่านั้นคณะกรรมการก็เห็นชอบที่จะเลือกให้เบอเซะ 2.0 เป็นผู้ได้รับรางวัลร่วมกันในปีนี้กับ นพ.เหงียนตันคี ด้วยคาดหวังว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเราในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย"

"มูลนิธิอนุสรณ์สถาน 18 พฤษภาคมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การตัดสินใจในวันนี้จะสานความสมานฉันท์ให้ลึกซึ้งและสร้างความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย และทำให้พวกเรามีโอกาสยิ่งใหญ่ที่จะส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ"แถลงการณ์ตอนหนึ่งของคณะกรรมการมอบรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุ

36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539

สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน

รายชื่อผู้ได้รับรางวัลกวางจูเพื่อสิทธิมนุษยชนนับตั้งแต่ปี 2543

ปี 2543 ซานานา กุสเมา ประธานาธิบดีติมอร์ตะวันตก
ปี 2544 บาซิล เฟอร์นันโด ประธานคณะกรรมการสิทธมนุษยชนแห่งเอเชีย
ปี 2545 Korean Association Bereaved Families for Democracy
ปี 2546 แดนานียา กามาช จายันติ (Dandaneya Gamage Jayanti) อนุสรณ์สถานผู้สูญหาย ศรีลังกา
ปี 2547 อองซาน ซูจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย พม่า
ปี 2548 วาดาห์ ฮาฟิด ผู้อำนวยการ สมาพันธ์คนจนเมือง (Urban Poor Consortium - UPC) อินโดนีเซีย
ปี 2549 อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนจากประเทศไทย ภรรยาของทนายสมชาย นีละไพจิตร
และมาลาไล โจยา สมาชิกวุฒิสภา ปากีสถาน
ปี 2550 ชา มีล่า อีรอม ผู้อดอาหารเรียกร้องสันติภาพให้กับรัฐมณีปุระ ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย
และเลนิน รากูวานชิ นักกิจกรรมที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในอินเดียตอนเหนือ

ปี 2551  มุนีร์ มาลิก ทนายชาวปากีสถาน
ปี 2552 มิน โก นาย อดีตแกนนำนักศึกษายุค 1988 และผู้ก่อตั้งสหพันธ์ของสหภาพนักศึกษาพม่าทั้งมวล All Burma Federation of Student Unions (ABFSU)
ปี 2553 สุชิล พยะคุเรล อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนเนปาล และประธานคณะกรรมการจับตาภาระความรับผิด (AWC)
ปี 2554 นพ.บิยานาค เสน ทำงานด้านกุมารแพทย์ชนบทในพื้นที่รัฐฉัตติสครห์ ประเทศอินเดีย ต่อมาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อกล่าวหาร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธ Naxalite ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในการต่อสู้ชั้นศาลฎีกา
ปี 2555 มุน จองยอน บาทหลวงชาวเกาหลีใต้ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในยุคเผด็จการทหาร และมีบทบาทต่อต้านฐานทัพสหรัฐอเมริกาในเกาหลีใต้
ปี 2556 องค์กร H.I.J.O.S (บุตรและธิดาผู้ต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ ความยุติธรรม และต่อต้านการถูกลืมและความเงียบ) จากอาร์เจนตินา และนิตยสารรายสัปดาห์ Tempo จากประเทศอินโดนีเซีย

ปี 2557 อดิลู รามาน ข่าน ชาวบังกลาเทศผู้ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน การฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม การบังคับสูญหาย การซ้อมทรมาน ในภูมิภาคเอเชียใต้
และกลุ่มแม่แห่งคาวาราน (The Mothers of Khavaran) จากอิหร่าน ที่เรียกร้องให้ทางการอิหร่านสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการล่าสังหารในช่วงปฏิวัติอิหร่านในทศวรรษที่ 1980

ปี 2558 ละติฟา อะนัม สิเรกา ทนายความสิทธิมนุษยชนที่ว่าความให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิทางการเมืองในภูมิภาคปาปัวตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย และสมบัดิ สมพอน นักพัฒนาชาวลาว ผู้ถูกทำให้หายตัวไปในปี 2555

 

แปลและเรียบเรียงจาก

Nguyen Dan Que, Wikipedia

Vietnamese Gov’t Requests Nguyen Dan Que be Denied Human Rights Award, GFN, 2016-05-05 http://www.gfn.or.kr/bbs/board.php?bo_table=news_gfn&wr_id=4780

The Announcement of 2016 Gwangju Prize for Human Rights Recipients, 21 April 2016 http://eng.518.org/ease/board.es?mid=a50501000000&bid=0028&list_no=845&act=view

ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai
Viewing all 58 articles
Browse latest View live




Latest Images